กิยามุ้ลลัยลคือละหมาดสุนัตในยามค่ำคืน
อ.อาลี กองเป็ง
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
การอิบาดะฮ์ต่ออัเลาะฮ์ด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจแสดงถึงความศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ซึ่งอิบาดะฮ์บางชนิดมิได้เป็นการบัญญัติที่เป็นวาญิบ (وَاجِبٌ ) แต่เป็นอิบาดะฮ์โดยสมัครใจซึ่งเราทั้งหลายรู้จักในนามว่าสุนัต ( سُنَّةٌ ) นั้นคือการละหมาดสุนุตกิยามุ้ลลัยล ( قِيَامُ الْلَيْلِ ) ท่านร่อซู้ล ( ซ.ล. ) ไม่ว่าท่านจะมีสุขภาพที่ดีหรือภาวะเจ็บป่วยท่านจะไม่ละเลยกับการละหมาดกิยามุ้ลลัยลฺ คราใดที่ท่านเจ็บป่วยท่านจะทำการละหมาดโดยการนั่ง และคราใดที่มีเหตุการณ์ที่ทำไห้ท่านพลาดไปในยามค่ำคืนท่านจะทำการทดแทนในเวลากลางวัน ด้วยการละหมาดเป็นจำนวน ๑๒ ร๊อกอะฮ์
กิยามุ้ลลัยล คือทางเดินสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่และคือหนทางสู่ความผาสุกอันนิรันดร ท่านนบี ( ซ ล ) ได้ฉายภาพที่พำนักในสวรรค์ของผู้ที่รักษากับการละหมาดกิยามุ้ลลัยลว่า
اِ نَّ فِي الْجَنَّةِ غُرَفًا تُرَى ظُهُوْرُهَا مِنْ بُطُوْنِهَا وَبُطُوْ نُهَا مِنْ ظُهُوْرِهَا فَقَامَ اَعْرَابِيٌّ فَقَالَ : لِمَنْ هِيَ يَارَسُوْلَ اللهِ ؟ قَالَ : لِمَنْ أَطَابَ الْكَلاَمَ وَأَطْعَمَ الطَّعَامَ وَأَدَامَ الصِّيَامَ وَصَلَّى ِللهِ بِالْلَيْلِ وَالنَّاسُ نِيَامٌ . رواه الترمذي
"แท้จริงในสวนสวรรค์นั้นมีหลายห้อง ด้านภายนอกของห้องจะถูกแลเห็นจากด้านใน และด้านในของห้องจะถูกแลเห็นจากด้านภายนอก ได้มีอะหรับจากชนบทผู้หนึ่งยืนขึ้นแล้วกล่าวถามว่า มันเป็นสิทธิของใครหรือโอ้ท่านร่อซู้ล ท่านร่อซู้ลจึงกล่าวตอบว่า มันคือสิทธิของผู้ที่พูดดี ผู้บริจาคอาหาร ผู้ที่ทำการถือศีลอดเป็นประจำ และเป็นสิทธิของผู้ทำการละหมาดเพื่ออัลเลาะฮ์ในยามค่ำคืนในขณะที่ผู้คนหลับไหล
ปัจจัยต่างๆที่นำท่านสู่กิยามุ้ลลัยลคือ
๑ : นอนหลับสักงีบหนึ่งหลังละหมาดบ่าย ( قَيْلُوْلَةٌ ) เปรียบดั่งท่านได้ซื้อผลบุญและความดีจากยามหนึ่งของกลางคืนด้วยเวลาอันเล็กน้อยของกลางวัน ท่านนบี ( ซ ล ) ได้เคยกำชับว่า
قِيْلُوْا فَاِنَّ الشَّيْطَانَ لاَيَقِيْلُ . رواه الطبراني في الأوسط
"ท่านทั้งหลายจงกอยลูละฮ์ แท้จริงชัยฏอนจะไม่ทำการกอยลูละฮ์"
๒ : รับทานอาหารในปริมาณที่ไม่มากนัก ท่านซุฟยานอัสเซารีย ( سُفْيَانُ الثَّوْرِيُّ ) กล่าวว่า
عَلَيْكُمْ بِقِلَّةِ الطَّعَامِ تَمْلِكُوْا قِيَامَ الْلَيْلِ
"เหนือท่านทั้งหลายด้วยอาหารในปริมาณที่น้อย จะช่วยไห้ท่านตื่นเพื่อละหมาดสุหนัตในยามค่ำคืน"
๓ : จงคบหาและสมาคมกับบรรดาคนที่ดี (ซอและฮ์) ที่เขากระตุ้นท่านและปลุกเตือนท่าน เช่นท่านนบี ( ซ ล ) ทำการปลุกท่านหญิงฟาฏิมะฮ์บุตรสาวของท่านและสามีของนางคือท่านอะลียบินอะบีฏอลิบจากการนอน ท่านนบี ( ซ ล ) จะเคาะประตูบ้านของทั้งสองและท่านจะกล่าวว่า
أَ لاَ تُصَلِّيَانِ ؟ متفق علي
"ท่านทั้งสองตื่นละหมาดหรือยัง?"
๔ : ออกห่างจาก ( مَعْصِيَةْ ) การทำบาป เพราะการตื่นขึ้นละหมาดกิยามุ้ลลัยลคือความมีเกียรติ ดังนั้นจะไม่มีเกียรติสำหรับผู้ที่ไม่ภักดี ( طَاعَةْ ) ในเวลากลางวัน
ท่านอิบรอฮีมบินอัดฮัม ( اِبْرَا هِيْمُ بْنُ اَدْهَمْ ) กล่าวว่า
لاَ تَعْصِهِ بِالنَّهَارِوَهَوَيُقِيْمُكَ بَيْنَ يَدَ ْيهِ بِا لْلَيْلِ . فَاِنَّ وُقُوْفَكَ بَيْنَ يَدَ ْيهِ بِا لْلَيْلِ مِنْ اَعْظَمِ الشَّرَفِ وَاْلعَاصِيْ لاَيَسْتَحِقُّ هَذَا الشَّرَفَ .
"ท่านจงอย่าทำบาปต่ออัลเลาะฮ์ในกลางวัน ในขณะที่พระองค์ทรงไห้ท่านยืนต่อหน้าพระองค์ในยามค่ำคืน แท้จริงการหยุดอยู่ของท่านต่อหน้าพระองค์ในยามค่ำคืนคือความมีเกียรติอันใหญ่หลวง คนทำบาปไม่สิทธิในเกียรตินี้"
ความมีเกียรติอย่างนี้ได้เกิดขึ้นแล้วกับครอบครัวหนึ่ง นั้นคือครอบครัวของซอและฮ์บินยะฮ์ยา ( صَالِحُ بْن يَحْيىَ ) ซึ่งประกอบไปด้วยลูกชายของท่านชื่อว่าอะลี ( عَلِيُّ بْنُ صَالِحْ) และหะซัน ( حَسَنُ بْنُ صَالِحْ ) และผู้เป็นมารดาของทั้งสอง โดยครอบครัวของซอและฮ์บินยะฮ์ยาได้แบ่งกลางคืนของพวกเขาเป็นสามช่วง อะลียตื่นขึ้นมาละหมาดเป็นคนแรกหลังจากนั้นได้ปลุกหะซันและเขาก็เข้านอน ต่อมาหะซันก็ละหมาดหลังจากนั้นเขาได้ปลุกมารดาเพื่อตื่นขึ้นละหมาดและเขาก็เข้านอน เมื่อมารดาของทั้งสองกลับสู่ความเมตตาของอัลเลาะฮ์ ทั้งสองจึงแบ่งเป็นสองกะ โดยกะแรกเป็นของอะลีย และกะสองเป็นของหะซัน เมื่ออะลีย จากโลกดุนยาไป ปรากฏว่าหะซันได้ทำการละหมาดกิยามุ้ลลัยลตลอดช่วงของกลางคืน
ข้อควรปฏิบัติของมุสลิมก่อนอน
๑ : นอนในสภาพที่มีน้ำละหมาด
๒ : นอนตะแคงขวาพร้อมที่ฝ่ามือขวารองแก้ม
๓ : ผินหน้าทางด้านกิบลัต
๔ : กล่าวดุอาอและซิกรก่อนนอน
๕ : ตั้งเจตนาตื่นละหมาดกิยามุ้ลลัยล
๖ : เริ่มทำการละหมาดอย่างน้อยเพียงสองร๊อกอัตด้วยการอ่านกุรอ่านที่ง่ายสำหรับท่านในละหมาด ก่อนที่ท่านจะนอนเพื่อการนำสู่การปฏิบัติที่มากขึ้นและการอ่านกุรอ่านในละหมาดที่มากขึ้นเช่นกัน ๗ : เมื่อท่านปฏิบัติได้เป็นประจำก่อนนอนแล้ว ท่านจงมุ่งมั่นในเลาที่ยอดเยี่ยมคือช่วงสุดท้ายของกลางคืนก่อนเข้าเวลาของซุบฮ์ซึ่งเป็นเวลาที่มีสิริมงคล ( اَلسَّاعَةُ الْمُبَارَكَةُ ) ในการละหมาดสุนัตและการขอดุอาอ
اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ
هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ
هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ