วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทความศาสนา

การทดแทนที่ดีกว่า

โดย อ. อาลี  กองเป็ง

  ดาวน์โหลดเอกสาร



 ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่เคารพรัก
บ่าวของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ. ) ซึ่งเป็นมุอฺมินที่แท้จริงคือ  ไม่โมโหโกรธาจากการทดสอบของอัลเลาะฮ์  พร้อมกับการยอมรับในการทดสอบนั้นและไม่สิ้นหวังกับความเมตตาของพระองค์ในอนาคต   และให้เขามั่นใจเถิดว่า  ผู้อดทนต่อภัยที่มาประสพแก่เขา  หรือโรคที่มารุมเร้ากับเขามันคือเครื่องมือล้างบาปที่เคยทำมา  ซึ่งมีรายงานจากท่านอะนัส (ร.ฏ. ) กล่าวว่า
قاَلَ رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه وسلم :  إِذَا أَرَادَ اللهُ بِعَبْدِهِ الْخَيْرَ عَجَّلَ لَهُ الْعُقُوْبَةَ فِي الدُّنْياَ ، وَإِذَا أَرَادَ الله ُبِعَبْدِهِ الشَّرَّ اَمْسَكَ عَنْهُ بِذَنْبِهِ حَتَّى يُوَافِيَ بِهِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ ، وَقَالَ : إِنَّ عِظَمَ الْجَزَاءَ مَعَ عِظَمِ الْبَلاَءِ ، وَإِنَّ اللهَ تَعَالَى إِذَا أَحَبَّ قَوْمًا إِبْتَلاَهُمْ فَمَنْ رَضِيَ فَلَهُ الرِّضَى وَمَنْ سَخِطَ فَلَهُ السُّخْطُ 
رواه الترمذي

ความว่า  “คราใดที่อัลเลาะฮ์ (ซ. บ.) ทรงปรารถนาให้บ่าวของพระองค์ประสบกับความดีพระองค์จะทรงลงโทษเขาในดุนยานี้แหละ  และเมื่อคราใดพระองค์ทรงปรารถนาให้บ่าวของพระองค์ได้ประสบกับความเลวร้าย  พระองค์จะยังไม่ลงโทษเขากับบาปที่เขาทำ  จนกระทั้งเขาจะรับแบกบาปของเขาไปสู่การลงโทษในวันกิยามะฮ์  และท่านนบี (ซ.ล.)ก็กล่าวอีกว่า  แท้จริงความใหญ่โตแห่งการตอบแทนย่อมมาพร้อมกับการทดสอบที่มากมาย  และแท้จริงอัลเลาะฮ์ (ซ. บ.) เมื่อพระองค์ทรงรักชนกลุ่มใด  พระองค์ก็จะทรงลง การทดสอบแก่พวกเขา  ผู้ใดยอมรับกับมัน  เขาผู้นั้นก็จะได้ความพึงพอพระทัย  และผู้ใดโมโหโกรธาเขาก็จะได้รับความพิโรธ”
และเป็นส่วนที่สำคัญที่มีผลอันล้ำค่ามหาศาลแก่มนุษย์ทีเป็นมุอฺมิน  นั่นคือบาปอันหลากหลายจะถูกล้างไปโดยการที่มุอฺมินอดทนกับการทดสอบของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ซึ่งมีนามว่า (  اَلْبَلَاء)  การยอมรับพร้อมด้วยการอดทนย่อมนำมาซึ่งความเมตตาแห่งอัลเลาะฮ์  และผลดีที่ติดตามมาภายหลัง  ดังมีรายงานจากท่านอะนัส ( ร..) โดยบันทึกจากท่านมุสลิมว่า  ลูกชายของท่านอะบูฎ่อลหะฮ์ (ร.ฏ. ) เกิดความเจ็บป่วยและถึงแก่ความตาย  มารดาซึ่งมีนามว่า  อุมมุสุลัยม  เธอกล่าวแก่ครอบครัวเธอว่า  ท่านทั้งหลายอย่าได้พึ่งเล่าแก่อะบูฎ้อลหะฮ์เลยว่าลูกของเขาได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลเลาะฮ์แล้ว  ฉันจะเป็นผู้บอกเขาเอง  ขนะนั้นอะบูฎ้อลหะฮ์ได้ออกสู่สมรภูมิเพื่อศาสนา  หลังจากเสร็จจากสมรภูมิแล้วอะบูฎ้อลหะฮ์ได้เดินทางกลับบ้าน  อุมมุสุลัยมได้ต้อนรับเขาในฐานะเป็นภรรยาด้วยอาหารและเครื่องดื่มและเธอได้ปรนนิบัติแก่อะบูฎ้อลหะฮ์ประดุจดังที่เธอเคยปรนนิบัติเฉกเช่นก่อนๆมา  และในคืนนั้นเธอและเขาก็ได้มีเพศสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา  เมื่อเธอรู้สึกได้ว่าอะบูฎ้อลหะฮ์อิ่มหนำสำราญแล้ว  เธอจึงเอ่ยปากกล่าวแก่อะบูฎ้อลหะฮ์ซึ่งเป็นสามีของเธอว่า
أَرَ أَيْتَ لَوْ أَنَّ قَوْمًا أَعَارُوْا عَارِيَتَهُمْ أَهْلَ بَيْتٍ فَطَلَبُوْا عَارِيَتَهُمْ أَ لَهُمْ أَنْ يَمْنَعُوْهُمْ ؟ قَالَ : لاَ , فَقَالَتْ : فَاحْتَسَبِ ابْنَكَ
“ท่านมีความเห็นอย่างไรหากแม้นว่ามีกลุ่มชนหนึ่งได้ขอยืมกับสิ่งที่หยิบยืมได้จากครอบครัวหนึ่ง  ต่อมาครอบครัวนั้นได้มาทวงคืน  ผู้ยืมมาจะขัดขืนได้ไหม  ท่านอะบูฎ้อลหะฮ์จึงกล่าวตอบว่า มันขัดขืนไม่ได้เด็ดขาด  เธอจึงกล่าวขึ้นว่า  ท่านจงหวังในผลบุณตอบแทนจากอัลเลาะฮ์เถิด  ลูกของท่านได้จากไปแล้ว  ท่านอะบูฎ้อลหะฮ์เกิดอาการโกรธเธอและกล่าวว่า   เธอทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรกจนกระทั่งฉันได้ร่วมหลับนอนกับเธอ  เธอจึงพึ่งมาบอกฉันหรือ!
หลังจากนั้นท่านอะบูฎ้อลหะฮ์ได้เดินทางไปพบท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาและครอบครัวเขา  ท่านร่อซู้ล (ซ.ล. ) จึงขอดุอาอ์ให้แก่อะบูฎ้อลหะฮ์และภรรยาของเขาด้วยคำว่า
بَارَكَ الله ُلَكُمَا فِيْ لَيْلَتِكُمَا
ขอเอกองค์อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.)ทรงประทานความมีบะรอกัตแก่ท่านทั้งสองในคืนที่ผ่านมาของท่านทั้งสองด้วยเถิด   เธอคือ  อุมสุลัยมได้ตั้งครรภ์และหลังจากนั้นเธอได้คลอดบุตรและได้นำลูกของเธอไปพบท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) พร้อมกับอินทผาลัมหลายผล  ท่านรอซู้ล (ซ..) ได้เคี้ยวมันและได้นำมันใส่ไปในปากของลูกอะบูฎ้อลหะฮ์และท่านทำการตะห์นีก (ขยายเพดาน) พร้อมกับท่านตั้งชื่อให้มีนามว่าอับดุลเลาะฮ์  ท่านอิบนุอุยัยนะฮ์กล่าวว่า
فَقَالَ رَجُلٌ مِنَ الاَ نْصَارِ     :    มีชายผู้หนึ่งจากชาวอันศอรกล่าวว่า”
فَرَأَيْتُ تِسْعَةَ أَوْلاَدٍ كُلَّهُمْ قَرَؤُوا الْقُرْآنَ : يَعْنِيْ مِنْ أَوْلاَدِ عَبْدِ اللهِ الْمَوْلُوْدِ
“ข้าพเจ้าได้พบเห็นลูกทั้งเก้าคนของอับดุลเลาะฮ์ท่องจำอั้ลกุรอ่านกันทั้งหมดเลย”
ท่านพี่น้องที่รักครับ มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากหญิงที่อีหม่านมั่นคง  ภรรยาที่ฎออัตสามี  กับความอดทนจากการทดสอบของพระผู้เป็นเจ้า  ด้วยการจากไปของลูกอันเป็นสุดที่รักของเธอ  ด้วยอีหม่านอันเข้มแข็ง  และอดทนจากการทดสอบทำให้เธอตั้งสติได้และสามารถผ่านวิกฤตอันน่าเศร้าสลด  จนในที่สุดเธอได้รับการทดแทนที่ดียิ่งกว่า  ดังคำกล่าวของอุละมาอ์ว่า
أَنَّ مَنْ تَرَكَ شَيْئًا ِللهِ عَوَّضَهُ الله ُخَيْرًا مِنْهُ
“แท้จริงผู้ใดยอมสละสิ่งหนึ่งเพื่ออัลเลาะฮ์พระองค์ได้ทรงทดแทนสี่งที่ดีกว่าอินชาอัลเลาะฮ์”

بَارَكَ الله ُلِيْ وَلَكُمْ فِي الْقُرْآ نِ الْكَرِيْمِ وَنَفَعَنِي الله ُوَ إِياَّكُمْ بِمَا فِيْهِ مِنَ اْلآياَتِ وَ الذِّكْرِ الْحَكِيْمِ أَقُوْلُ قَوْ لِيْ هَذَا وَأَسْتَغْفِرُ الله َلِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمٍيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَ الْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ  إِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ