วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทความศาสนา

มุอฺมินที่เข้มแข็ง
โดย อ. อาลี  กองเป็ง


ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่เคารพรัก
ความเข้มแข็งกับความอ่อนแอ  เราสามารถวัดปริมาณของมันได้ด้วยการต่อสู้กับอารมณ์ของตัวเองอดทนต่อการทดสอบ  และรักษาใว้ซึ่งการฎออัตต่อพระองค์อัลเลาะฮ์ (ซ.บ. )  ในส่วนหนึ่งซึ่งเป็นการฎออัตและเป็นหน้าที่   คือแสวงหาสิ่งทีมีคุนประโยชณ์แก่ตัวเองครอบครัวและสังคม  มิใช่การแสวงจุดร่วมเฉพาะประโยชณ์ส่วนตัวแต่เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น   และในขณะเดียวกันมนุษย์ที่มีอีหม่านต้องมีความละโมบให้ได้มาซึ่งประโยชน์ในวันอาคิเราะฮ์  และไม่ละเลยหรือปล่อยทิ้งกับปัจจัยยังชีพในดุนยา  โดยการรักษาไว้ซึ่งศาสนาของเขาและดุนยาของเขา  กับการไม่ท้อถอยในอุปสรรค  พร้อมให้เขาได้ขอความช่วยเหลือ     จากอัลเลาะฮ์เจ้าในภารกิจต่างๆ  และจงจำไว้ในใจอยู่เสมอว่าผู้ใดก็ตามได้ขอความช่วยเลือจากอัลเลาะฮ์พระองค์ก็จะทรงให้ความช่วยเหลือแก่เขา  พี่น้องครับ  คนที่มีกำลัง  ทำงานได้เพราะอัลเลาะฮ์ทรงให้แรงให้พละกำลังให้งาน  คนที่ทำอิบาดะฮ์ได้ก็เพราะอัลเลาะฮ์ให้    เช่นการละหมาดเราลองคิดดูซิว่า   นาย  ก กับนาย  ข  ทั้งคู่เกิดในหมู่บ้านมุสลิม  เรียนกุรอ่านมาด้วยกัน  เรียนฟัรฏูอีนมาด้วยกัน  ครูสอนละหมาดคนเดียวกัน  ทั้งสองคือนาย  ก  และนาย  ข  ละหมาดเป็นทั้งคู่  แต่ต่อมานาย  ก  ได้ละหมาด  ส่วนนาย  ข  ทั้งๆที่ละหมาดได้แต่ไม่ได้ละหมาด  เออ !   ทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า  มันจึงเกิดความเข้าใจว่า  นี้ใช่ไหมที่อัลเลาะฮ์ทรงให้แก่นาย  ก  ฉนั้นโปรดอย่าได้ลืมว่าที่เราทำอิบบาดะฮ์ได้และได้ทำไม่ว่าจะเป็นละหมาด  ซะกาต  บวช  และอื่นๆอัลเลาะฮ์ทรงให้ความช่วยเหลือทั้งนั้น  ท่านบี ( ซ.ล.)  จึงสอนให้เราทุกคนมีความเข้มแข็งอย่าย่อท้อในการแสวงหาสิ่งทีเกิดประโยชณ์แต่อย่าลืมขอความช่วยเหลือจากอัลเลาะฮ์
ท่านนบี (ซ.ล.)  กล่าวว่า
اَلْمُؤْمِنُ الْقَوِيُّ خَيْرٌ وَ أَحَبُّ إِلَى اللهِ مِنَ الْمُؤْمِنِ الضَّعِيْفِ وَفِيْ كُلٍّ خَيْرٌ ، أَحْرِصْ عَلَى مَايَنْفَعُكَ ، وَاسْتَعِنْ بِاللهِ وَلاَ تَعْجَزْ ، وَإِنْ أَصَابَكَ شَيْءٌ فَلاَ تَقُلْ : لَوْ أَنِّيْ فَعَلْتُ كَانَ كَذَا وَكَذَا وَلَكِنْ قُلْ : قَدَّرَ الله ُ، وَمَاشَاءَ فَعَلَ ، فَإِنَّ لَوْ تَفْتَحُ عَمَلَ الشَّيْطَانِ .               
 رواه مسلم عن أبي هريرة
มุอฺมิน ( ผู้มีศรัทธา )  ที่เข้มแข็ง ( ท่านกุรฎุบีย์กล่าวว่า  เข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งยืนหยัดต่อหน้าที่ในอิบาดะฮ์ต่างๆเช่นการทำฮัจญ  การถือศีลอด  การใช้ให้ทำความดีห้ามปรามเรื่องความชั่ว ) ดีกว่าและเป็นที่รักยิ่ง ณ อัลเลาะฮ์ (ซ.บ. )  กว่ามุอฺมินที่อ่อนแอ  แต่ในทุกคนที่เป็นมุอฺมินก็ดี  แล้วในฐานะมีอีหม่าน  เจ้าจงมุ่งมั่นต่อสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อเจ้า  และจงขอความช่วยเหลือต่ออัลเลาะฮ์และอย่าได้ท้อถอยและหากแม้นว่าได้มีสิ่งใดมาประสพแก่เจ้า  ดังนั้นเจ้าอย่าได้กล่าวว่า  ถ้าแม้นฉันทำอย่างนี้มันก็คงเป็นอย่างนี้  แต่ทว่าเจ้าจงกล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดไว้แล้ว  และสิ่งใดที่พระองค์ทรงปรารถนาพระองค์ก็ทรงทำมันได้เกิดขึ้น  อันที่จริงคำว่าท้าอย่างนั้นท้าอย่างนี้  มันจะเปิดการยุยงซึ่งกระซิบกระซาบของชัยฎอนที่จะนำมาซึ่งความเสียใจ
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก  ทำในวันนี้ให้ดีและมีเจตนาทำให้ดีที่สุดในวันข้างหน้า  ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรจงได้ยอมเถอะกับการที่มันจะเกิดขึ้นสุดแล้วแต่พระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.)  มีตัวยาขนานหนึ่งสามารถบำบัดโรคร้ายที่บั่นทอนชีวิตได้คือ
اَ لتَّسْلِيْمُ لِاَمْرِ اللهِ وَالرِّضَا بِقَضَائِهِ وَقَدْرِهِ وَاْلاِعْرَاضُ عَنِ اْلاِلْتِفَاتِ لِمَا مَضَى
การยอมจำนนต่อการงานของพระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.)  ยินดีรับต่อ ก่อฏอก่อดัร ของพระองค์และสลัดทิ้งไปเสีย  กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในชีวิตที่ผ่านมา
ใครได้บริโภคตัวยานี้ไปแล้ว จะมีสุขภาพจิตที่ดี  และสุขภาพที่ดีทางกายก็จะติดตามมา  บางครั้งสิ่งที่มาประสพกับเรา  เราคิดว่าไม่ดีแต่อาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าก็ได้  ดังมีหิกายะฮ์ที่เกิดขึ้นจริงเล่ากล่าวว่า  มีราชาองค์หนึ่งซึ่งมีข้าหลวงที่มอบหมายงานทั้งหมดแก่อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.)  ในวันหนึ่งนิ้วมือข้างหนึ่งของราชาถูกตัดขาดไป  ขณะนั้นข้าหลวงก็กล่าวว่า
خَيْرًا، خَيْرًا، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว  ดีแล้ว  อินชาอัลเลาะฮ์”
จึงทำให้ราชาโกรธจัด  ราชาจึงกล่าวว่า  ไหนเล่าที่เจ้าว่าดี  เลือดกำลังไหลที่นี้วของข้าแล้วเจ้ายังบอกว่าดีอีกหรือ  ราชาจึงออกคำสั่งให้นำข้าหลวงไปจำคุก  ข้าหลวงเมื่อได้ยินคำสั่งเขายังคงกล่าวว่า
خَيْرًا، خَيْرًا، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว  ดีแล้ว  อินชาอัลเลาะฮ์”
และเป็นปรกติของราชาต้องเสด็จออกประพาสป่าในหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์พร้อมกับข้าหลวงร่วมเดินทางด้วยแต่การเสด็จประพาสป่าครั้งนี้ไม่มีข้าหลวงคนสนิทร่วมเดินทางด้วยเนื่องจากโดนจำคุก  และการเดินทางครั้งนี้ของราชาคือสถานที่หนึ่ง   ใกล้ป่าไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาล  หลังจากได้พักผ่อนเพียงครู่หนึ่ง  ราชาก็ได้เดินเข้าไปในป่าลึก  บังเอิญราชาได้พบกับชนเผ่าหนึ่งกำลังทำการสักการะรูปปั้นของพวกเขาและวันนั้นคือวันอีดที่พวกเขา  ต้องทำการบูชายันต์  พวกเขาจึงแยกย้ายกันค้นหาสิ่งทีจะมาบูชายันต์  ขณะนั้นพวกเขาเหลือบไปแลเห็นราชาคนดังกล่าวหลงทางมา   จึงจับราชาคนนั้นเพื่อทำการบูชายันต์ตามลัทธิของพวกเขา  มีลูกเผ่าคนหนึ่งเหลือบไปเห็นนิ้วของราชาคนดังกล่าวขาดหายไป  เขาจึงแจ้งให้หัวหน้าเผ่าได้ทราบว่า  ชายผู้นี้ไม่เหมาะสมที่จะนำไปฆ่าเพื่อบูชาเทวรูปของพวกเขาเนื่องจากมีตำหนิ  พวกเขาจึงปล่อยราชาผู้นี้เป็นอิสระ  ขณะนั้นเองราชานึกถึงคำพูดของข้าหลวงที่กล่าวว่า 
خَيْرًا ، خَيْرًا ، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว  ดีแล้ว  อินชาอัลเลาะฮ์”
หลังจากที่ราชาได้กลับสู่เมืองของเขา  จึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวข้าหลวง  และนำตัวมาพบราชา  ราชาก็ได้เล่าเหตุการณ์ซึ่งผ่านมาที่ได้ประสพแก่เขา  และราชากล่าวว่า   นิ้วของข้าที่ถูกตัดขาดไปมันเป็นเรื่องดีจริงๆ  แต่เราขอถามเจ้าสักหนึ่งคำถามได้ไหม    ขณะที่เจ้าถูกนำตัวไปจองจำเราได้ยินเจ้ากล่าวว่า
خَيْرًا ، خَيْرًا ، إِنْ شَاءَ اللهُ
ดีแล้ว  ดีแล้ว  อินชาอัลเลาะฮ์
ทำไมเจ้าจึงกล่าวเช่นนั้น     ข้าหลวงตอบแก่ราชาว่า     ข้าพเจ้าเป็นคนรับใช้และเป็นข้าหลวงของท่านเมื่อข้าพเจ้าโดนลงโทษ  ข้าพเจ้าต้องเข้มแข็งและอดทนและนึกอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องดีหากแม้นอัลเลาะฮ์ทรงประสงค์และเป็นการขอดุอาอ์จากพระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.) ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า
خَيْرًا ، خَيْرًا ، إِنْ شَاءَ اللهُ
ดีแล้ว  ดีแล้ว  อินชาอัลเลาะฮ์
และท่านลองคิดดูซิ   ทุกครั้งข้าพเจ้าต้องร่วมเดินทางกับท่าน  หากครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่ถูกจองจำข้าพเจ้าก็ต้องเดินทางร่วมไปกับท่าน  และชนเผ่าที่ท่านเล่ามาต้องทำการสังหารข้าพเจ้าเพื่อบูชายันต์ต่อเทพเจ้าตามความคิดของพวกเขาเพราะข้าพเจ้าไร้ซึ่งตำหนิที่มือ

بَارَكَ الله ُلِيْ وَلَكُمْ فِي الْقُرْآنِ ا لْكَرِيْمِ وَ نَفَعَنِي الله ُوَاِياَّكُمْ بِمَا فِيْهِ مِنَ اْلآياَتِ وَالذِّكْرِ الْحَكِيْمِ أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَأَ سْتَغْفِرُ الله َلِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِر الْمُسْلِمٍيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَ الْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ  اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْم