มุอฺมินที่เข้มแข็ง
โดย อ. อาลี กองเป็ง
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่เคารพรัก
ความเข้มแข็งกับความอ่อนแอ เราสามารถวัดปริมาณของมันได้ด้วยการต่อสู้กับอารมณ์ของตัวเองอดทนต่อการทดสอบ และรักษาใว้ซึ่งการฎออัตต่อพระองค์อัลเลาะฮ์ (ซ.บ. ) ในส่วนหนึ่งซึ่งเป็นการฎออัตและเป็นหน้าที่ คือแสวงหาสิ่งทีมีคุนประโยชณ์แก่ตัวเองครอบครัวและสังคม มิใช่การแสวงจุดร่วมเฉพาะประโยชณ์ส่วนตัวแต่เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น และในขณะเดียวกันมนุษย์ที่มีอีหม่านต้องมีความละโมบให้ได้มาซึ่งประโยชน์ในวันอาคิเราะฮ์ และไม่ละเลยหรือปล่อยทิ้งกับปัจจัยยังชีพในดุนยา โดยการรักษาไว้ซึ่งศาสนาของเขาและดุนยาของเขา กับการไม่ท้อถอยในอุปสรรค พร้อมให้เขาได้ขอความช่วยเหลือ จากอัลเลาะฮ์เจ้าในภารกิจต่างๆ และจงจำไว้ในใจอยู่เสมอว่าผู้ใดก็ตามได้ขอความช่วยเลือจากอัลเลาะฮ์พระองค์ก็จะทรงให้ความช่วยเหลือแก่เขา พี่น้องครับ คนที่มีกำลัง ทำงานได้เพราะอัลเลาะฮ์ทรงให้แรงให้พละกำลังให้งาน คนที่ทำอิบาดะฮ์ได้ก็เพราะอัลเลาะฮ์ให้ เช่นการละหมาดเราลองคิดดูซิว่า นาย ก กับนาย ข ทั้งคู่เกิดในหมู่บ้านมุสลิม เรียนกุรอ่านมาด้วยกัน เรียนฟัรฏูอีนมาด้วยกัน ครูสอนละหมาดคนเดียวกัน ทั้งสองคือนาย ก และนาย ข ละหมาดเป็นทั้งคู่ แต่ต่อมานาย ก ได้ละหมาด ส่วนนาย ข ทั้งๆที่ละหมาดได้แต่ไม่ได้ละหมาด เออ ! ทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า มันจึงเกิดความเข้าใจว่า นี้ใช่ไหมที่อัลเลาะฮ์ทรงให้แก่นาย ก ฉนั้นโปรดอย่าได้ลืมว่าที่เราทำอิบบาดะฮ์ได้และได้ทำไม่ว่าจะเป็นละหมาด ซะกาต บวช และอื่นๆอัลเลาะฮ์ทรงให้ความช่วยเหลือทั้งนั้น ท่านบี ( ซ.ล.) จึงสอนให้เราทุกคนมีความเข้มแข็งอย่าย่อท้อในการแสวงหาสิ่งทีเกิดประโยชณ์แต่อย่าลืมขอความช่วยเหลือจากอัลเลาะฮ์
ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
اَلْمُؤْمِنُ الْقَوِيُّ خَيْرٌ وَ أَحَبُّ إِلَى اللهِ مِنَ الْمُؤْمِنِ الضَّعِيْفِ وَفِيْ كُلٍّ خَيْرٌ ، أَحْرِصْ عَلَى مَايَنْفَعُكَ ، وَاسْتَعِنْ بِاللهِ وَلاَ تَعْجَزْ ، وَإِنْ أَصَابَكَ شَيْءٌ فَلاَ تَقُلْ : لَوْ أَنِّيْ فَعَلْتُ كَانَ كَذَا وَكَذَا وَلَكِنْ قُلْ : قَدَّرَ الله ُ، وَمَاشَاءَ فَعَلَ ، فَإِنَّ لَوْ تَفْتَحُ عَمَلَ الشَّيْطَانِ .
رواه مسلم عن أبي هريرة
มุอฺมิน ( ผู้มีศรัทธา ) ที่เข้มแข็ง ( ท่านกุรฎุบีย์กล่าวว่า เข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งยืนหยัดต่อหน้าที่ในอิบาดะฮ์ต่างๆเช่นการทำฮัจญ การถือศีลอด การใช้ให้ทำความดีห้ามปรามเรื่องความชั่ว ) ดีกว่าและเป็นที่รักยิ่ง ณ อัลเลาะฮ์ (ซ.บ. ) กว่ามุอฺมินที่อ่อนแอ แต่ในทุกคนที่เป็นมุอฺมินก็ดี แล้วในฐานะมีอีหม่าน เจ้าจงมุ่งมั่นต่อสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อเจ้า และจงขอความช่วยเหลือต่ออัลเลาะฮ์และอย่าได้ท้อถอยและหากแม้นว่าได้มีสิ่งใดมาประสพแก่เจ้า ดังนั้นเจ้าอย่าได้กล่าวว่า ถ้าแม้นฉันทำอย่างนี้มันก็คงเป็นอย่างนี้ แต่ทว่าเจ้าจงกล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดไว้แล้ว และสิ่งใดที่พระองค์ทรงปรารถนาพระองค์ก็ทรงทำมันได้เกิดขึ้น อันที่จริงคำว่าท้าอย่างนั้นท้าอย่างนี้ มันจะเปิดการยุยงซึ่งกระซิบกระซาบของชัยฎอนที่จะนำมาซึ่งความเสียใจ
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก ทำในวันนี้ให้ดีและมีเจตนาทำให้ดีที่สุดในวันข้างหน้า ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรจงได้ยอมเถอะกับการที่มันจะเกิดขึ้นสุดแล้วแต่พระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.) มีตัวยาขนานหนึ่งสามารถบำบัดโรคร้ายที่บั่นทอนชีวิตได้คือ
اَ لتَّسْلِيْمُ لِاَمْرِ اللهِ وَالرِّضَا بِقَضَائِهِ وَقَدْرِهِ وَاْلاِعْرَاضُ عَنِ اْلاِلْتِفَاتِ لِمَا مَضَى
การยอมจำนนต่อการงานของพระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.) ยินดีรับต่อ ก่อฏอก่อดัร ของพระองค์และสลัดทิ้งไปเสีย กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในชีวิตที่ผ่านมา
ใครได้บริโภคตัวยานี้ไปแล้ว จะมีสุขภาพจิตที่ดี และสุขภาพที่ดีทางกายก็จะติดตามมา บางครั้งสิ่งที่มาประสพกับเรา เราคิดว่าไม่ดีแต่อาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าก็ได้ ดังมีหิกายะฮ์ที่เกิดขึ้นจริงเล่ากล่าวว่า มีราชาองค์หนึ่งซึ่งมีข้าหลวงที่มอบหมายงานทั้งหมดแก่อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.) ในวันหนึ่งนิ้วมือข้างหนึ่งของราชาถูกตัดขาดไป ขณะนั้นข้าหลวงก็กล่าวว่า
خَيْرًا، خَيْرًا، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว ดีแล้ว อินชาอัลเลาะฮ์”
จึงทำให้ราชาโกรธจัด ราชาจึงกล่าวว่า ไหนเล่าที่เจ้าว่าดี เลือดกำลังไหลที่นี้วของข้าแล้วเจ้ายังบอกว่าดีอีกหรือ ราชาจึงออกคำสั่งให้นำข้าหลวงไปจำคุก ข้าหลวงเมื่อได้ยินคำสั่งเขายังคงกล่าวว่า
خَيْرًا، خَيْرًا، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว ดีแล้ว อินชาอัลเลาะฮ์”
และเป็นปรกติของราชาต้องเสด็จออกประพาสป่าในหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์พร้อมกับข้าหลวงร่วมเดินทางด้วยแต่การเสด็จประพาสป่าครั้งนี้ไม่มีข้าหลวงคนสนิทร่วมเดินทางด้วยเนื่องจากโดนจำคุก และการเดินทางครั้งนี้ของราชาคือสถานที่หนึ่ง ใกล้ป่าไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาล หลังจากได้พักผ่อนเพียงครู่หนึ่ง ราชาก็ได้เดินเข้าไปในป่าลึก บังเอิญราชาได้พบกับชนเผ่าหนึ่งกำลังทำการสักการะรูปปั้นของพวกเขาและวันนั้นคือวันอีดที่พวกเขา ต้องทำการบูชายันต์ พวกเขาจึงแยกย้ายกันค้นหาสิ่งทีจะมาบูชายันต์ ขณะนั้นพวกเขาเหลือบไปแลเห็นราชาคนดังกล่าวหลงทางมา จึงจับราชาคนนั้นเพื่อทำการบูชายันต์ตามลัทธิของพวกเขา มีลูกเผ่าคนหนึ่งเหลือบไปเห็นนิ้วของราชาคนดังกล่าวขาดหายไป เขาจึงแจ้งให้หัวหน้าเผ่าได้ทราบว่า ชายผู้นี้ไม่เหมาะสมที่จะนำไปฆ่าเพื่อบูชาเทวรูปของพวกเขาเนื่องจากมีตำหนิ พวกเขาจึงปล่อยราชาผู้นี้เป็นอิสระ ขณะนั้นเองราชานึกถึงคำพูดของข้าหลวงที่กล่าวว่า
خَيْرًا ، خَيْرًا ، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว ดีแล้ว อินชาอัลเลาะฮ์”
หลังจากที่ราชาได้กลับสู่เมืองของเขา จึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวข้าหลวง และนำตัวมาพบราชา ราชาก็ได้เล่าเหตุการณ์ซึ่งผ่านมาที่ได้ประสพแก่เขา และราชากล่าวว่า นิ้วของข้าที่ถูกตัดขาดไปมันเป็นเรื่องดีจริงๆ แต่เราขอถามเจ้าสักหนึ่งคำถามได้ไหม ขณะที่เจ้าถูกนำตัวไปจองจำเราได้ยินเจ้ากล่าวว่า
خَيْرًا ، خَيْرًا ، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว ดีแล้ว อินชาอัลเลาะฮ์”
ทำไมเจ้าจึงกล่าวเช่นนั้น ข้าหลวงตอบแก่ราชาว่า ข้าพเจ้าเป็นคนรับใช้และเป็นข้าหลวงของท่านเมื่อข้าพเจ้าโดนลงโทษ ข้าพเจ้าต้องเข้มแข็งและอดทนและนึกอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องดีหากแม้นอัลเลาะฮ์ทรงประสงค์และเป็นการขอดุอาอ์จากพระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ.บ.) ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า
خَيْرًا ، خَيْرًا ، إِنْ شَاءَ اللهُ
“ดีแล้ว ดีแล้ว อินชาอัลเลาะฮ์”
และท่านลองคิดดูซิ ทุกครั้งข้าพเจ้าต้องร่วมเดินทางกับท่าน หากครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่ถูกจองจำข้าพเจ้าก็ต้องเดินทางร่วมไปกับท่าน และชนเผ่าที่ท่านเล่ามาต้องทำการสังหารข้าพเจ้าเพื่อบูชายันต์ต่อเทพเจ้าตามความคิดของพวกเขาเพราะข้าพเจ้าไร้ซึ่งตำหนิที่มือ
بَارَكَ الله ُلِيْ وَلَكُمْ فِي الْقُرْآنِ ا لْكَرِيْمِ وَ نَفَعَنِي الله ُوَاِياَّكُمْ بِمَا فِيْهِ مِنَ اْلآياَتِ وَالذِّكْرِ الْحَكِيْمِ أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَأَ سْتَغْفِرُ الله َلِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِر الْمُسْلِمٍيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَ الْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْم