วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คุตบะห์วันศุกร์




อัล ฮิดายะห์
โดย อ. อาลี  กองเป็ง


اَلْحَمْدُ للهِ الَّذِيْ اَرْسَلَ رَسُوْلَهُ بِالْهُدَى وَاخْتَارَ اْلاِسْلاَمَ دِيْناً .  وَنَصَرَهُ نَصْرًاعَزِيْزًا .  وَفَتَحَ لَهُ فَتْحًا مُبِيْناً .  وَسَلَّطَ اللهُ عَلَى مَنْ تَرَكَ الدِّيْنَ شَرًا كَبِيْرًا وَعَذَابًامُهِيْناً .  لاَاِلَهَ اِلاَّ هُوَ يَهْدِيْ مَنْ يَشَاءُ وَهُوَ اَعْلَمُ بِالْمُهْتَدِيْنَ    وَاَشْهَدُ اَنْ لاَ اِلَهَ اِلاَّ اللهُ الْمُنْتَقِمُ مِمَّنْ يَسْعَى فِي ْالاَرْضِ بِالْفَسَادِ .  وَاَشْهَدُ اَنَّ مُحَمَّدًا رَسُوْلُ اللهِ الدَّاعِيْ اِلَى سَبِيْلِ الرَّشَادِ   .  اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى مُحَمَّدٍ صَاحِبِ الْحَوْضِ الْكَوْثَرِ وَالشَّفَاعَةِ اْلعُظْمَى يَوْمَ التَّنَادِ .  وَعَلَى آلِهِ وَصَحِبِه الطَّيِبِيْنَ الطَّاهِرِيْنَ  .  اَمَّا بَعْدُ . فَيَااَيُّهَاالنَّاسُ . اُوْصِيْكُمْ وَنَفْسِيْ اَوَّلاًبِتَقْوَى اللهِ تَعَالَى وَطَاعَتِهِ  .    فَقَدْ قَالَ اللهُ تَعَالَى فِي الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ  :    اِنَّكَ لاَتَهْدِيْ مَنْ اَحْبَبْتَ وَلَكِنَّ اللهَ يَهْدِيْ مَنْ يَشَاءُ وَهُوَ اَعْلَمُ بِالْمُهْتَدِيْنَ


ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
          อัลเลาะห์ซุบฮานฮูตะอาลาตรัสว่า
{اِنَّكَ لاَتَهْدِيْ مَنْ اَحْبَبْتَ وَلَكِنَّ اللهَ يَهْدِيْ مَنْ يَشَاءُ وَهُوَ اَعْلَمُ بِا لْمُهْتَدِيْنَ }    القصص  56                                                                            
             ความว่า  แท้จริงเจ้าไม่สามารถที่จะแนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่เจ้ารักได้ แต่อัลเลาะห์ทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
          ท่านอิบนุกะซีร รอฮีม่าฮุ้ลเลาะห์ ได้กล่าวว่า
يَقُوْلُ تَعَالَى لِرَسُوْلِهِ
          อัลเลาะห์ทรงกล่าวแก่ร่อซู้ลของพระองค์ว่า
اِنَّكَ يَامُحَمَّدُ لاَتَهْدِيْ مَنْ اَحْبَبْتَ اَيْ لَيْسَ اِلَيْكَ ذَلِكَ
           โอ้มูฮำหมัดแท้จริงเจ้าไม่สามารถที่จะให้ฮิดายะห์แก่ผู้ที่เจ้ารักได้ กล่าวคือเจ้าไม่มีสิทธิดังกล่าว
اِنَّمَاعَلَيْكَ الْبَلاَغُ وَاللهُ يَهْدِيْ مَنْ يَشَاءُ
           แท้จริงจำเป็นบนเจ้ากับการเผยแพร่และอัลเลาะห์จะทรงฮิดายะห์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงลิขิตแก่เขาแล้ว
          มีรายงานถึงสาเหตุการประทานอายะห์นี้ในซอเฮี๊ยะห์ บุคอรีและมุสลิม จากอิบนิมุซัยยับจากบิดาของเขาได้กล่าวว่า
لمَاَّ حَضَرَتْ اَبَاطَالِبٍ اَلْوَفَاةُ جَاءَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَعَنْهُ عَبْدُ اللهِ ْبنِ اُمَيَّةَ وَاَبُوْجَهْلٍ يَاعَمِّ قُلْ لاَاِلَهَ اِلاَّاللهُ كَلِمَةً اُحَاجُّ لَكَ بِهَاعِنْدَ اللهِ فَقَالاَ لَهُ  اَتَرْغَبُ عَنْ مِلَّةِ عَبْدِ الْمُطْلِبْ   فَاَعَادَ عَلَيْهِ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَاَعَادَا فَكَانَ آخِرُ مَاقَالَ هُوَ عَلَى مِلَّةِ عَبْدِ الْمُطْلِبْ وَاَبَى اَنْ يَقُوْلَ لاَاِلَهَ اِلاَّ اللهُ        ความว่า ขณะที่สัญญาแห่งความตายเข้าใกล้อะบูตอเล็บ ท่านนบีได้เข้ามาหาเขา ขณะนั้นอับดุลเลาะห์บุตรอุมัยยะห์และอะบูยาฮั้ลร่วมอยู่ด้วย  ดังนั้นนบีก็กล่าวแก่เขาว่า โอ้ลุงของฉันท่านจงกล่าว ลาอี่ลาฮ่าอิ้ลลั้ลเลาะห์  เป็นประโยคที่ฉันจะนำไปเป็นหลักฐานช่วยท่าน ณ ที่อัลเลาะห์   
ทั้งสองคืออับดุลเลาะห์ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้รับอิสลามและอะบูยาฮั้ลได้กล่าวแก่อะบูฏอเล็บว่า ท่านรังเกียจจากศาสนา(ละทิ้ง)อับดุลมุฏอลิบกระนั้นหรือ ท่านนบีก็กล่าวประโยค(กะลีมะห์ชาฮาดะห์)สอนเขาอีก ทั้งสองคืออับดุลเลาะห์และอะบูยาฮั้ลก็กล่าวดังเช่นเคย แต่ปรากฏท้ายสุดของประโยคที่อะบูฎอเล็บกล่าว
คือเขาอยู่ในศาสนาของอับดุลมุฎอเล็บ และไม่ยอมกล่าว ลาอี่ลาฮ่าอิ้ลลั้ลเลาะห์
         ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก คำว่า"ฮิดายะห์"ในอายะห์ข้างต้นแตกต่างกับคำว่าฮีดายะห์ในอายะห์  
 {وَاِنَّكَ لَتَهْدِيْ اِلَى صِرَاطٍ مُسْتَقِيْمٍ}   الشورى   52
         ความว่า แท้จริงท่านจะเป็นผู้ชี้ทางสู่หนทางที่ถูกต้อง
         กล่าวคือ  ฮิดายะห์ มี  2 ชนิดด้วยกัน
              1.  ฮิดายะห์อัตเตาฟีก   هداية التوفيق
              2.  ฮีดายะห์อิรซาด  هداية الارشاد


               ฮิดายะห์อัตเตาฟีก هداية التوفيق   เป็นอภิสิทธิ์ของอัลเลาะห์องค์เดียว ถึงแม้ว่าท่านนบีและอื่นจากนบีจะใช้ความพยายามสักปานใดก็ตามในการเรียกร้องเชิญชวนสู่แนวทางที่ถูกต้อง  แต่ด้วยอนุภาพของอัลเลาะห์เท่านั้น พระองค์จะทรงเตาฟีกแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
ส่วนคำว่าฮิดายะห์ในอายะห์ที่ 52  ในซูเราะห์อัสชูรอ คือฮิดายะห์อั้ลอิรชาด هداية الارشاد   เป็นฮิดายะห์ที่อัลเลาะห์ให้เป็นหน้าที่ของนบี และประชาชาติของเขาโดยการเชิญชวนเรียกร้องสู่ความดี และหลีกเลี่ยงความชั่ว จึงนับได้ว่าบ่าวของอัลเลาะห์ผู้ใดก็ตามเขาจะได้รับชัยชนะก็ต่อเมื่อเขาได้แล้วซึ่งฮิดายะห็อัตเตาฟีก  هداية التوفيق                                        
          ฉะนั้นขอให้พี่น้องเข้าใจว่าหลังจากปฏิบัติหน้าที่แล้วก็จงมอบหมายการงานของท่านต่อ
อัลเลาะห์ เพราะพระองค์ทรงรู้ดียิ่งว่าใครคือผู้ที่จะได้รับความสุขและใครคือผู้ที่จะได้รับความทุกข์
          ท่านนบีนัวห์ อ่าลัยฮิสลาม ทำการเผยแพร่ศาสนาเป็นเวลา 950 ปี คนที่ไม่ได้รับฮีดายะห์เตาฟีกก็ยังคงสภาพเป็นผู้ที่ไม่อีหม่าน  ส่วนหนึ่งจากกลุ่มนี้คือลูกของนบีนัวห์  ที่ชื่อว่ายาม จมน้ำตายต่อหน้าต่อตาท่านนบีนัวห์ ในสภาพที่ยังไม่อีหม่าน เพราะฉะนั้นจงเข้าใจว่า บ่าวของอัลเลาะห์ทุกคนมีหน้าที่แต่ความสำเร็จเป็นลิขสิทธ์ของอัลเลาะห์ จงมอบหมายต่อต่อพระองค์เถิด
          อัลเลาะห์ตรัสว่า
{وَمَنْ يَتَوَكَّلْ عَلَى اللهِ فَهُوَ حَسْبُهُ اِنَّ اللهَ بَالِغُ اَمْرِهِ قَدْ جَعَلَ اللهَ لِكُلِّ شَيْءٍ قَدْرًا}  الطلاق 3
          และผู้ใดมอบหมายต่ออัลเลาะห์ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา และอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงบรรลุในกิจกรรมของพระองค์โดยแน่นอน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนั้นอัลเลาะห์ทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว

اَقُوْلُ قَوْلِي هَذَا وَاَسْتَغْفِرُ اللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ




หน้าแรก                           คุตบะห์