วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

خطبة لعيد الفطر 2554
โดย       .อาลี  กองเป็ง

คุตบะห์ที่ 1        
اللهُ أَكْبَر   9   ครั้ง

   اللهُ أَكْبَرُكَبِيْرًا . وَاْلحَمْدُلِلَّهِ كَثِيْرًا . وَسُبْحَانَ اللهِ بُكْرَةً وَأَصِيْلاً  . سُبْحَانَ اللهِ وَاْلحَمْدُلله  وَلاإِلَّه اِلاَّ اللهُ . وَاللهُ أَكْبَر .وَلله الْحَمْدُ.
اَلْحَمْدُللهِ الْمُتَجَلِّيْ بِرَحْمَتِهِ عَلَى عِبَادِهْ . اَلْقَرِيْبِ مِنْ أَهْلِ مَحَبتِهِ وَوِدَادِهْ .
 اَلْقَامِعِ مَنْ هَامَ فِيْ مَيْدَانِ عُتُوِّهِ وَعِنَادِهْ . اَلْمُعِيْدِ السُّرُوْرِ عَلَى أَهْلِ اْلاِيْمَانِ وَاْلاِسْلاَمِ  . وَأَشْهَدُ أَنْ لاَإِلَهَ إِلاَّ اللهُ يَغْفِرُ الذُّنُوْبَ وَيُعْطَى كُلَّ سَائِلٍ مَاسَأَلْ .  وَأَشْهَدُ أَنَّ سَيِّدَنَا مُحَمَّدًا رَسُوْلُ اللهِ رَغِبَ فِي الطَّاعَةِ وَحَذَّرَ مِنَ الْكَسَلْ .
اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ طَيِّبِ ا لْقُلُوْبِ وَالْعِلَلْ  . وَعَلىَ آلِهِ وَأَصْحَابِهِ الْمُخْلِصِيْنَ ِللهِ فِي الصِّيَامِ وَالْقِيَامِ  .  أَمَّا بَعْدُ  : فَياَ عِبَادَاللهِ أُوْصِيْكُمْ وَنَفْسِيْ أَوَّلاً بِتَقْوَى اللهِ وَطَاعَتِهْ .  وَقَدْ قَالَ اللهُ تَعَالىَ فِيْ كِتَابِهِ  : {كُلُّ مَنْ عَلَيْهَا فَانٍ وَيَبْقَى وَجْهُ رَبِّكَ ذُوا الجَلاَلِ وَاْلاِكْرَامِ }

اللهُ اَكْبَرُ .  اللهُ اَكْبَرُ  . اللهُ اَكْبَرُ    .  وَلله اْلحَمْدُ
    

ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก 
วันอีดิ้ลฟิตรี่เป็นวันที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานรางวัลแก่บรรดาบ่าวของพระองค์ที่ได้ขะมักเขม้นในการประกอบอิบาดะห์ต่อพระองค์ ซึ่งเป็นรางวัลอันมหาศาล   ดังมีรายงานจากท่าน
بْنُ أَوْسٍ الاَ نْصَارِيُّ سَعْدُ
จากท่าน นบี (ซฺ.ล) ได้กล่าวว่า
اِذَاكَانَ يَوْمُ عِيْدِ اْلفِطْرِ وَقَفَتِ اْلمَلاَئِكَةُ عَلَى اَبْوَابِ الطُّرُقِ فَنَادَوْا      .
 اُغْدُوْايَامَعْشَرَاْلمُسْلمِيْنَ اِلَى رَبٍّ كَرِيْمٍ . يَمُنُ بِاْلخَيْرِثُمَّ يُثِيْبُ عَلَيْهِ اْلجَزِيْلَ . لَقَدْأٌمِرْتُمْ بِقِيَامِ اْللَّيْلِ فَقُمْتُمْ . وَأُمِرْتُمْ بِصِيَامِ النَّهَارِفَصُمْتُمْ . وَأَطَعْتُمْ رَبَّكُمْ فَاقْبِضُوْاجَوَائِزَكُمْ . فَاِذَاصَلُّوْانَادَىْ مُنَادٍأَلاَرَبُّكُمْ قَدْغَفَرَلَكُمْ . فَارْجِعُوْارَاشِدِيْنَ إِلَى رِحَالِكُمْ  ....  رواه الطبراني
ความว่า เมื่อได้ปรากฏวันอีดิ้ลฟิตริ์  เหล่ามาลาอีกะห์ได้ยืนตามช่องทางต่างๆ เขาทั้งหลายได้ร้องกล่าวว่า  โอ้ชนมุสลิมจงมุ่งหน้าสู่พระเจ้าผู้ทรงใจบุญ  พระองค์จะทรงโปรดปรานด้วยการทำความดี พร้อมพระองค์จะทรงตอบแทนกับผลบุญอันมหาศาล แท้ที่จริงท่านทั้งหลายถูกใช้ให้ทำการละหมาดกียามุลลัยน์ ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติกับละหมาดนั้น พวกท่านถูกใช้ให้ถือศิลอดในช่วงของกลางวัน ท่านทั้งหลายก็ได้ถือศิลอดและพวกท่านก็ได้ภักดีต่อพระเจ้าของพวกท่าน ดังนั้นท่านทั้งหลายจงมารับรางวัลของพวกท่านและเมื่อท่านทั้งหลายละหมาดอีดได้มีเสียงร้องเรียกว่าโปรดทราบเถิดความจริงพระเจ้าได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกท่านแล้ว   ท่านทั้งหลายจงกลับไปยังพาหนะของพวกท่านในสภาพเป็นผู้นำสู่หนทางที่ถูกต้อง

اللهُ اَكْبَرُ .  اللهُ اَكْبَرُ .  اللهُ اَكْبَرُ   .   ولله اْلحَمْدُ  .

ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก                      
         อีดิ้ลฟิตริ์เป็นวันรื่นเริงและเป็นวันประกอบคุณงามความดีเป็นวันที่มุสลิมแสดงออกถึงความเอื้ออาทร  การอภัย  และมีจิตไมตรีต่อพี่น้องมุสลิมและความรักเป็นโอกาสอันดีต่อผู้ที่เป็นบุตรซึ่งจะต้องแสดงถึงความรักกตัญญูต่อสองบิดามารดาซึ่งที่ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่  และท่านทั้งสองเป็นเหตุให้บุตรได้เข้าสวรรค์ของอัลเลาะห์และทำมาค้าขึ้นมีหน้าที่การงานที่ก้าวหน้า
       ท่านพี่น้องทราบไหมว่า ขณะที่เรานั้นได้คลอดออกมาจากครรภ์ของมารดา ความรู้สึกปิติยินดีของคุณพ่อคุณแม่ ถึงขั้นน้ำตาไหลออกจากสองเบ้าตาโดยไม่รู้ตัว จับสองเท้าของผู้เป็นลูกมาจุ่มพิศด้วยความรักที่พร้อมจะยอมตายเพื่อลูกได้   มีไหมที่ลูกจะได้จุมพิศต่อคุณพ่อคุณแม่เพื่อการแสดงออกถึงความรัก คุณพ่อคุณแม่มีความหวังลึกๆว่า  เพียงลูกมองพ่อแม่ด้วยสายตาแห่งความรักคำพูดที่ฉอเลาะ หรือเพียงแต่การจูบแก้มขวาและซ้ายก็เพียงพอแล้วไม่ต้องถึงขั้นก้มลงจูบเท้าหรอก 
        ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก  ลูกที่ดีต้องปรนนิบัติดีต่อบิดามารดา และเชื่อฟังท่านทั้งสอง มิใช่เพียงแต่ว่าตอบแทนบุญคุณของท่านทั้งสอง แต่มันคือคำสั่งใช้จากพระเจ้า  ถึงกับอัลเลาะห์ได้ทรงกล่าวถึงการภักดีต่อคุณพ่อคุณแม่รองจากการภักดีต่ออัลเลาะห์( ซบ)
อัลเลาะห์ทรงกล่าวว่า
وَقَضَى رَبُّكَ أَلاَّ تَعْبُدُوْا إِلاَّ إِيَّاهُ وَبِالْوَا لِدَيْنِ إِحْسَانًا إِمَّا يَبْلُغَنَّ عَنْدَكَ الْكِبَرَ أَحَدُهُمَا أَوْ كِلا هُمَا فَلا تَقُلْ لَهُمَا أُفًّ  وَلاَ تَنْهَرْهُمَا وَقُلْ لَهُمَا قَوْلاًكَرِيْمًا وَاخْفِضْ لَهُمَا جَنَاحَ الذُّلِّ مِنَ الرَّحْمَةِ وَقُلْ رَبِّ ارْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِيْ صَغِيْرًا ... الاسراء 23-24
ความว่า และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่าห้ามพวกเจ้าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น และจงทำดีต่อสองบิดามารดา เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ซึ่งแสดงออกถึงความไม่พอใจ และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน   และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสองซึ่งเป็นการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตาและจงกล่าวขอดุอาว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉันโปรดทรงเมตตาแก่ท่านทั้งสอง เช่นการที่ท่านทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันตั้งแต่เยาว์วัย
 โดยเฉพาะผู้เป็นมารดา  ท่านนบีให้ความสำคัญมากต่อการภักดีจากผู้เป็นลูก โดยท่านนบีได้กล่าวแก่ชายผู้หนึ่งที่มาถามท่านว่า
مَنْ اَحَقُّ بِحُسْنِ صُحْبَتِيْ .
ใครคือผู้ที่ดีที่สุดในการที่ฉันควรจะภักดี

قَالَ [أُمُّكَ] قَالَ ثُمَّ مَنْ ؟ قَالَ [أُمُّكَ] قَالَ ثُمَّ مَنْ قَالَ [أُمُّكَ] قَالَ ثُمَّ مَنْ قَالَ أَبُوْكَ   ...
 رواه البخاري ومسلم
ท่านนบีตอบว่า มารดาของท่าน ชายผู้นี้ก็ถามอีก ท่านนบีก็ตอบว่า มารดาของท่าน ชายผู้นี้ก็ถามอีก นบีก็ตอบว่า มารดาของท่าน ชายผู้นี้ก็ถามอีก นบีก็ตอบว่า บิดาของท่าน
การภักดีเชื่อฟังคุณแม่ก็มิอาจทดแทนบุญคุณของคุณแม่ได้ ดังมี
       ท่านบัซซารได้รายงานว่า มีชายผู้หนึ่งทำการตอวาฟบัยติลละห์ โดยเขาได้อุ้มแม่ของเขาตอวาฟด้วย  เขาได้ถามท่านนบี (.) ว่า ฉันได้แทนคุณแม่ของฉันแล้วหรือยัง ท่านนบีตอบว่า ยัง และมันยังไม่เท่ากับลมเบ่งหนึ่งครั้งของแม่เลย
  ท่านพี่น้องขณะที่คุณพ่อคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่  กรุณาอย่าให้เขาทั้งสองต้องเสียน้ำตาเพราะการเนรคุณของลูกโดยเฉพาะคุณแม่ ซึ่งผู้ใดทำให้คุณแม่น้ำตาไหลเพราะการอกตัญญู เขาผู้นั้นอย่าคิดว่าจะได้เข้าสวรรค์เลย แม้แต่กลิ่นไอของสวรรค์ก็มิได้ยลกลิ่น อย่าลืมว่าสวรรค์นั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้ามารดา
มหาสมุทรสุดล่าอีกฟ้ากว้าง  มิอาจอ้างเทียบค่ามารดาฉัน
พระคุณแม่สูงล้นพ้นรำพัน  แม้นสวรรค์ยังลอยลาดใต้บาทเธอ
  คนที่โชคดีคือคนที่ได้ทำดีต่อพ่อแม่ ขณะที่ท่านทั้งสองยังมีลมหายใจ  และในขณะเดียวกันเขาก็ปรารถนาที่จะทำดีต่อคุณพ่อคุณแม่หลังจากโลกดุนยานี้ไปแล้ว ซึ่งมีบันทึกรายงานจากอบูดาวูดว่า ท่านนบีได้แนะนำแก่ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวอันซอร ที่กล่าวถามท่านนบี (.) ว่า
يا رَسُوْلَ اللهِ هَلْ بَقِيَ عَليَّ شَيْءٌ مِنْ بِرِّأَبَوَيَّ بَعْدَ مَوْتِهِمَاأَبِرُّهُمَابِهِ
โอ้ท่านร่อซู้ลแห่งอัลเลาะห์ ยังมีสิ่งใดที่เหลือ เหนือข้าพเจ้าอีกไหมจากการทำดีต่อคุณพ่อคุณแม่ หลังจากท่านทั้งสองเสียชีวิตไปแล้ว
قاَلَ:نَعَمْ خِصَالُ أَرْبَعٍ
ท่านนบีก็ตอบว่ายังมีซิ คือ 4 ประการต่อไปนี้
اَلصَّلاَةُ عَلَيْهِمَا وَ اْلاِسْتِغْفَارُ لَهُمَا :1

1)การละหมาดเหนือท่านทั้งสอง และการขออภัยโทษให้แก่ท่านทั้งสอง
وَاِنْفَاذُ عَهْدِ هِمَا : 2
2) ทำให้หลุดพ้นในพันธะสัญญาของท่านทั้งสอง
 وَاِكْرَامُ صَدِيْقِهِمَا: 3
3)การให้เกียรติเพื่อนรักของท่านทั้งสอง
وَصِلَةُ الرَّحِمِ الَّتِيْ لاَ رَحِمَ لَكَ اِلاَّ مِنْ قِبَلِهِمَا : 4
4)เชื่อมสัมพันธ์เครือญาติ ซึ่งที่พ่อแม่ของท่าน เคยสัมพันธ์กับเครือญาติเหล่านั้นมาก่อน
فَهُوَالَّذِىْ بَقِيَ عَلَيْكَ مِنْ بِرِّهِمَا بَعْدَ مَوْتِهِمَا
มันคือสิ่งที่เหลือให้กับท่าน จากการทำดีต่อคุณพ่อคุณแม่ หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว วันอีดพี่น้องมุสลิมให้อภัยกัน พ่อแม่อย่าลืมอภัยให้ลูก วันอีดพี่น้องมุสลิมเขากอด กูจุบกัน ลูกก็อย่าลืมกูจุบสองบิดา มารดา และขออภัยต่อท่านทั้งสอง ก่อนที่บรรดาลูกทั้งหลายจะไม่มีโอกาส ขออภัย และหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของท่านทั้งสอง

اللهُ اَكْبَرُ .  اللهُ اَكْبَرُ .  اللهُ اَكْبَرُ   .  وِللهِ اْلحَمْد .
 ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
           การถือศิลอดเป็นการ تقَرُّبْ ทำความใกล้ชิดต่ออัลเลาะห์และเป็นอิบาดะห์ที่อัลเลาะห์จะทรงให้เกิดเนื่องจากการถือศิลอดของบ่าวคือ ความยำเกรงต่อพระเจ้า ( تقْوَى ) พร้อมด้วยสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ และเสริมสร้างจิตวิญญาณของมนุษย์ให้มีความอดทนอดกลั้นพร้อมด้วยความเข้มแข็งและมีความเป็นระเบียบพร้อมนำมาซึ่งความเมตตาต่อผู้ยากไร้และอีกมากมายจาก حِكْمَةْ  ของการถือศิลอด กระนั้นยังได้รับความคุ้มครองจากอัลเลาะห์ซึ่งมีบันทึกจากอะห์หมัดและน่าซาอีย์ โดยท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า
اَلصِّيَا مُ جُنَّةٌ مِنَ النَّاركَجُنَّة ِأَحَدِكُمْ مِنَ اْلقِتَالِ
ความว่า การถือศิลอดเป็นโล่ป้องกันไฟนรก เปรียบเสมือนโล่ของคนหนึ่งจากพวกท่านในยามสงคราม 
 และท่านติรมีซีย์ นะซาอีย์ อิบนุมายะห์ และอะห์หมัดได้บันทึกว่า ท่านนบีกล่าวว่า
مَنْ صَامَ يَوْمًا فِيْ سَبِيْلِ اللهِ عَزَّوَجَلَّ  . زَحْزَحَ اللهُ وَجْهَهُ عَنِ النَّارِ بِذَلِكَ الْيَوْمِ سَبْعِيْنَ خَرِيْفًا ...
ความว่า ผู้ใดที่ทำการถือศิลอดในหนทางของอัลเลาะห์( ลิลลาฮิตะอาลา ) อัลเลาะห์ได้ทรงโยกย้ายใบหน้า ( ร่างกาย ) ของเขาออกจากนรกในวันดังกล่าวถึง 70 ฤดูกาล
ท่านศาสดามูฮำหมัดจึงได้ขะมักเขม้นในการถือศิลอดไม่ว่าจะเป็นฟัรดูหรือสุนัตส่วนหนึ่งจากการถือศิลอดที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กำชับไว้คือ การถือศิลอด 6 วันของเดือนเชาว้าล
ซึ่งมีรายงานจากอะบีอัยยูบอัลอันซอรีย์ ว่าแท้จริงท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า
مَنْ صَامَ رَمَضَانَ ثُمَّ اتَّبَعَهُ سِتًّا مِنْ شَوَّالٍ فَكَأَ نَّمَا صَامَ الدَّهْرَ ....
اخرجه الجماعة إلا البخاري و النسائي
  ความว่า ผู้ใดถือศิลอดในเดือนรอมฎอนต่อมาเขาก็ติดตามด้วยการถือศิลอดอีก 6 วัน ของเดือนเชาว้าลประดุจดังเขาได้ถือศิลอดตลอดปี
قَاَ لَ ا لْعُلَمَاءُ
บรรดาอุลามาอ์ได้กล่าวว่า
الْحَسَنَةُ بِعَشْرِاَمْثَالِهَا
การทำ  1 ความดี  เท่ากับ 10 ความดี
وَرَمَضَانُ بِعَشْرَةِ شُهُوْرٍ
ถือศีลอดรอมฎอนเท่ากับ 10 เดือน
وَاْلأ َيَّامُ السِتَّةُ بِشَهْرَيْنِ
และการถือศิลอดอีก 6 วันในเดือนเชาว้าลเท่ากับจำนวนการถือศิลอด 2 เดือน
وَعِنْدَأَحْمَدُ :  إِنَّهَا تُؤَدِّيْ مُتَتَابِعَةً وَغَيْرَ مُتَتَابِعَةٍ وَلاَ فَضْلَ ِلاَحَدِهِمَاعَلَى اْلآخَرِ
ตามทัศนะของอะห์หมัด ให้ทำการถือศิลอด 6 วันในเดือนเชาว้าลจะโดยต่อเนื่องหรือไม่ก็ตาม  และไม่ถือว่าอันหนึ่งจะมีความประเสริฐ أَفْضَلُ   กว่าอีกอันหนึ่ง     
وَعِنْدَالْحَنَفِيَّةِ. وَالشَّافِعِيَّةِ .  الأَفْضَلُ صَوْمُهَا مُتَتَابِعَةٌعَقِبَ الْعِيْدِ
ละตามทัศนะของฮ่านาฟียะห์และชาฟีอียะห์  ถือว่าประเสริฐ ( أَفْضَلُ  ) ในการถือศิลอด 6 วันในเดือนเชาว้าลโดยต่อเนื่องถัดจากวันอีด
    ท่านพี่น้องที่รัก มันชั่งเป็นความโปรดปรานจากอัลเลาะห์ที่มีต่อบ่าวของพระองค์ ที่ได้ทรงประทานแนวทางแห่งการประกอบคุณงามความดีเพื่อบ่าวจะได้รับความสุขทั้งโลกดุนยาและอาคีเราะห์ 
اللهُ اَكْبَرُ .  اللهُ اَكْبَرُ .  اللهُ اَكْبَرُ   .  وِللهِ اْلحَمْد .

  ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
   
   อัลลอฮ์ทรงให้บ่าวของพระองค์พึงรักษาเกียรติยศ ของพี่น้องมุสลิมของเขา โดยวางระเบียบให้แก่ตัวเองต่อพี่น้องมุสลิมดังต่อไปนี้
         1.  แสดงความรักต่อพี่น้องมุสลิมให้เกียรติกันด้วยการให้สล่ามและตอบรับสล่าม
     อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า
وَإِذَا حُيِّيْتُمْ بِتَحِيَّةٍ فَحَيُّواْ بِأَحْسَنَ مِنْهَا أَوْ رُدُّوْهَا...
ความว่า  และเมื่อพวกท่านได้รับการคารวะใด ๆ            พวกเจ้าก็จง (ตอบ) คารวะให้ดีงามกว่านั้น หรือมิฉะนั้น ก็จงตอบคารวะนั้น (ด้วยถ้อยคำที่เท่าเทียมกัน)
         2.  เยี่ยมเยียนผู้ป่วยและขอดุอาอ์ให้เขาได้หายจากอาการป่วย
จากท่านบะรออ์บุตรอาซิบ กล่าวว่า
اَمَرَنَارَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهَ وَسَلَّمَ . بِعِيَادَةِ الْمَرِيْضِ ....الحديث . رواه البخاري
         ความว่า  ท่านบี(ซ.ล) ได้ใช้พวกเราให้ทำการเยี่ยมผู้ป่วย
         3.  ไปร่วมพิธีศพของมุสลิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากสิทธิของมุสลิมพึ่งมีต่อมุสลิม
5 ประการ  หนึ่งในนั้นคือ
وَاتِّبَاعُ الْجَنَائِز
ความว่า  และการร่วมติดตามศพ
         4.  ทำการตักเตือนด้วยใจบริสุทธิ์ โดยการชี้แจงให้ทำความดีและหลีกเลี่ยงจากความชั่วร้าย
ดังท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
الدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ ...الحديث . رواه مسلم
ความว่า  ศาสนาคือการตักเตือน
         5.  ให้มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ประดุจดังเขามีความปรารถนาที่ดีแก่ตัวเขาเอง
ดังนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
لاَيُؤْمِنُ اَحَدُكُمْ حَتَّى يُحِبَّ لأَخِيْهِ مَايُحِبُّ لِنَفْسِهِ وَيَكْرَهُ لَهُ مَايَكْرَهُ لِنَفْسِهِ ...رواه البخاري ومسلم والترمذي
         ความว่า  ผู้ใดของพวกเจ้าจะไม่ถือว่ามีอีหม่านสมบูรณ์ จนกว่าเขาจะมีความปรารถนาที่ดีต่อผู้อื่นที่เป็นพี่น้องมุสลิมของเขา เสมือนเขาปรารถนาแก่ตัวของเขาเอง และเขาก็รังเกียจที่จะไม่ให้เกิดแก่ผู้อื่นในสิ่งที่เขารังเกียจให้แก่ตัวเขาเอง
         6.  ไม่ใส่ร้ายป้ายสีต่อพี่น้องมุสลิม และไม่ทำให้เกิดความหวาดกลัวแก่เขา
ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
كُلُّ الْمُسْلِمِ عَلَى الْمُسْلِمِ حَرَامٌ دَمُهُ وَمَالُهُ وَعِرْضُهُ . رواه مسلم
         ความว่า  ทุกคนที่เป็นมุสลิมห้ามละเมิด เหนือมุสลิมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเลือด  ทรัพย์สิน   และเกียรติยศศักดิ์ศรี
لاَيَحِلُّ لِمُسْلِمٍ اَنْ يُرَوِّعَ مُسْلِمًا . رواه احمدوابوداود

         ความว่า  ไม่เป็นที่อนุญาตแก่มุสลิมที่จะทำให้เกิดความหวาดกลัวเหนือมุสลิม
         7.  ต้องอ่อนน้อมต่อกันไม่แสดงความยโสหรือยกตนข่มท่าน
อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า
اِنَّ الله َلاَيُحِبُّ كُلَّ مُخْتاَلٍ فَخُوْرٍ . لقمان  18
         ความว่า  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรังเกียจ ผู้ที่หยิ่งจองหอง คุยโว
         8.  ห้ามทะเลาะหรือหมางเมินเกินกว่า 3 วัน
ท่านนบี (ซ.ล) กล่าวว่า
لاَيَحِلُّ لِمُسْلِمٍ اَنْ يَهْجُرَاَخَاهُ فَوْقَ ثَلاَثٍ  يَلْتَقِيَانِ فَيُعْرِضُ هَذَاوَيُعْرِضُ هَذَاوَخَيْرُهُمَاالَّذِيْ يَبْدَاُبِالسَّلاَمِ . رواه البخاري ومسلم وابوداود
         ความว่า  ไม่อนุญาตแก่มุสลิมที่เขาจะทะเลาะหมางเมินกับพี่น้องของเขาเกินกว่า 3 วัน   เขาทั้งสองจะหมางเมินกันขณะพบกัน และผู้ที่ดีที่สุดแห่งทั้งสองคือผู้ที่เริ่มให้สล่าม 
         9.  ห้ามนินทา หรือดูถูกดูแคลน เปิดเผยตำหนิข้อบกพร่อง ใส่ร้ายป้ายสี และเรียกขานโดยตั้งชื่อหรือฉายาที่น่ารังเกียจ
อัลเลาะฮ์ทรงกล่าวว่า
يَااَيُّهَاالَّذِيْنَ آمَنُوااجْتَنِبُوْاكَثِيْرًامِنَ الظَّنِّ اِنَّ بَعْضَ الظَّنِّ اِثْمٌ وَلاَتَجَسَّسُوْاوَلاَيَغْتَبْ بَعْضُكُمْ بَعْضًااَيُحِبُّ اَحَدُكُمْ اَنْ يَاْكُلَ لَحْمَ اَخِيْهِ مَيْتًافَكَرِهْتُمُوْهُ ... الآية  . الحجرات  12
ความว่า   โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย  พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัยการนึกร้าย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป   และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน   คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ พวกเจ้าย่อมเกลียดมัน
 และอัลเลาะฮ์ทรงกล่าวว่า                                                                                                 
يَااَيُّهَاالَّذِيْنَ آمَنُوْالاَيَسْخَرْقَوْمٌ مِنْ قَوْمٍ عَسَى اَنْ يَكُوْنُوْاخَيْرًامِنْهُمْ وَلاَنِسَاءٌ مِنْ نِسَاءٍ عَسَى اَنْ يَكُنْ خَيْرًامِنْهُنَّ وَلاَتَلْمِزُوْا اَنْفُسَكُمْ وَلاَتَنَابَزُوْابِاْلاَلْقَابِ بِئْسَ الاِسْمُ اْلفُسُوْقُ بَعْدَ اْلاِيْمَانِ وَمَنْ لَمْ يَتُبْ فَاُولَئِكَ هُمُ الظَّالِمُوْنَ . الحجرات  11 
         ความว่า  โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ชนกลุ่มหนึ่งอย่าได้เยาะเย้ยชนอีกกลุ่มหนึ่ง บางทีชนกลุ่มที่ทุกเยาะเย้ยจะดีกว่าชนกลุ่มที่เยาะเย้ย และสตรีกลุ่มหนึ่งอย่าได้เยาะเย้ยสตรีอีกกลุ่มหนึ่ง บางทีกลุ่มสตรีที่ทุกเยาะเย้ยจะดีกว่ากลุ่มที่เยาะเย้ย และพวกเจ้าอย่าตำหนิตัวของพวกเจ้าเอง คือถ้าคนหนึ่งคนใดตำหนิก็เสมือนกับว่าเขาตำหนิตัวของเขาเอง เพราะบรรดามุสลิมคือเรือนร่างเดียวกัน และอย่าได้เรียกกันด้วยฉายาที่ได้ชอบ ช่างเลวทรามจริง ๆ ที่บรรดาผู้ศรัทธาเรียกว่าเป็นผู้ฝ่าฝืนภายหลังจากที่ได้มีการศรัทธากันแล้ว และผู้ใดไม่สำนึกผิด ชนเหล่านั้นคือบรรดาผู้อธรรม

10.   ห้ามด่า หรือบริภาษ พี่น้องมุสลิมโดยไม่ชอบธรรมไม่ว่ามุสลิมนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือจากดุนยาไปแล้ว
ดังท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
سِبَابُ الْمُسْلِمِ فُسُوْقٌ وَقِتَالُهُ كُفْرٌ . متفق عليه
         ความว่า  การบริภาษ(ด่าว่า) มุสลิมคือความชั่ว และการเข่นฆ่ามุสลิมคือกุฟรุน
(การฝ่าฝืน )


และท่านนบี(ซ.ล) กล่าวว่า
لاَتَسُبُّوااْلاَمْوَاتَ فَاِنَّهُمْ قَدْاَفْضَوْااِلَى مَاقَدَّمُوْا . رواه البخاري والنسائى والحاكم
         ความว่า  ท่านทั้งหลายอย่าได้บริภาษ(ด่าว่า) บรรดาคนตาย เพราะแท้จริงพวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ก่อนแล้ว
        11.  ห้ามอิจฉาริษยา คิดอคติต่อผู้อื่น สร้างความแค้น  และสอดแนมเพื่อทำลาย
อัลลอฮ์ตรัสว่า
يَااَيُّهَاالَّذِيْنَ آمَنُوْااجْتَنِبُوْاكَثِيْرًامَنَ الظَّنِّ اِنَّ بَعْضَ الظَّنِّ اِثْمٌ وَلاَتَجَسَّسُوْاوَلاَيَغْتَبْ بَعْضُكُمْ بَعْضًا ...الآية .الحجرات  12
         ความว่า    โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย  พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัยการนึกร้าย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน
ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
لاَتَحَاسَدُوْاوَلاَتَنَاجَشُوْاوَلاَتَبَاغَضُوْاوَلاَتَدَابَرُوْاوَلاَيَبِعْ بَعْضُكُمْ عَلَى بَيْعِ بَعْضٍ وَكُوْنُوْاعِبَادَاللهِ اِخْوَانًا ... رواه مسلم

         ความว่า  ห้ามท่านทั้งหลายอิจฉาต่อกัน ห้ามเพิ่มราคาสินค้าเพื่อหลอกลวงผู้อื่น ห้ามเกลียดชังกัน ห้ามลอบกัด ห้ามบางกลุ่มขายตัดหน้าอีกบางกลุ่มและจงเป็นบ่าวของอัลลอฮ์เสมือนพี่น้องกัน
         12.  เคารพให้เกียรติผู้อาวุโส เมตตาต่อเยาวชน
ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
لَيْسَ مِنَّا مَنْ لَمْ يُوَقِّرْكَبِيْرَنَاوَيَرْحَمْ صَغِيْرَنَا  ... رواه الامام احمد
         ความว่า  ไม่ใช่ส่วนหนึ่งจากพวกเรา ผู้ที่ไม่ให้เกียรติผู้อาวุโสและผู้ที่ไม่เมตตา
เด็ก ๆ ของพวกเรา  
         13.  ให้อภัยจากความพลาดพลั้งของผู้อื่น และปกปิดสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาให้เปิดเผย และอย่าสอดรู้สอดเห็น


อัลลอฮ์ตรัสว่า
فَاعْفُ عَنْهُمْ وَاصْفَحْ اِنَّ اللهَ يُحِبُّ الْمُحْسِنِيْنَ . المائدة  13
         ความว่า  ดังนั้นจงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด  และเมินหน้าเสียคือทำเป็นเสมือนไม่รู้ไม่เห็น  แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงชอบผู้ทำดีทั้งหลาย
และซึ่งมีการสั่งห้ามจากท่านนบี(ซ.ล.) ให้ปกปิดเอาเราะห์ความอายของผู้อื่น ในบันทึกของมุสลิม ความว่าบ่าวคนใดที่ปกปิดความอายของผู้อื่นในดุนยา อัลลอฮ์ทรงปกปิดความอายแก่เขาในวันกิยามะห์
และมีใจความที่บันทึกโดยอะบูอาวูด ว่า
         โอ้ผู้ที่ศรัทธาเพียงลิ้นและอีหม่านไม่เข้าในหัวใจ เจ้าทั้งหลายอย่านินทา อย่าชำแหละเอาเราะห์ของผู้อื่น แท้จริงผู้ใดชำแหละเอาเราะห์ พี่น้องของเขาที่เป็นมุสลิม อัลลอฮ์จะทรงชำแหละเอาเราะห์ของเขา  และผู้ใดที่อัลลอฮ์ ชำแหละเอาเราะห์ของเขา อัลลอฮ์ก็จะทรงประจานเขา ถึงแม้นว่าเขาจะซ้อนเร้นในบ้านของเขาก็ตาม
และมีบันทึกของบุคอรีใจความว่า
         ผู้ใดชอบแอบฟังคำสนทนาของผู้อื่นโดยผู้นั้นไม่ชอบ ในวันกียามะห์จะถูกกรอกในรูหูของเขาด้วยเหล็กหลอมจากไฟนรก
        14.  แสดงความสำรวมต่อพี่น้องมุสลิมด้วยกันโดยมีมารยาทที่ดีต่อกัน
ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
اِتَّقِ اللهَ حَيْثُمَاكُنْتَ وَاَتَّبِعِ السَّيِّئَةَ الْحَسَنَةَ تَمْحُهَا وَخَالِقِ النَّاسَ بِخُلُقٍ حَسَنٍ ...رواه الترمذي والحاكم
   ความว่า    ท่านจงยำเกรง อัลลอฮ์ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม    และจงลบล้างความชั่วด้วยการทำความดี  และจงมีมารยาทที่ดีต่อมนุษย์ด้วยกัน

أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَاوَأَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِالْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ . فَاسْتَغْفِرُوْهُ إِنَّهُ هُوَالْغَفُوْرُالرَّحِيْمُ



คุตบะห์ที่ 2
   وَللهِ الْحَمْدُ      7  ครั้ง  اللهُ أَكْبَرُ 

اَلْحَمْدُ لِلَّهِ الَذِيْ جَمَّلَ الْعِيْدَ بِالسُّرُوْرِ ، وَاَلْزَمَ اْلعِبَا دَ شُكْرَهْ  . وَكَمَّلَهُ بِضِيَافَةِ الْمُؤْمِنِيْنَ  وَحرَّمَ صَوْمَهُ وَأَوْجَبَ فِطْرَهْ، وَوَسَّعَ فِيْهِ مَوَائِدَالرِّضْوَانِ  عَلىَ مَنْ شَرَحَ بِاْلاِسْلاَمِ صَدْرَهْ ، وَضَاعَفَ فِيْهِ مَوَاهِبَ اْلاِنْعَامِ عَلىَ الْعَالَمِيْنَ  ، أَحْمَدُهُ وَأَشْكُرُهُ عَلىَ مَا أَوْلَى مِنْ مَوَاهِبِ اْلجُوْدِ وَاْلكَرَمْ ،  وَاَسْتَغْفِرُهُ  وَأَشْهَدُ أَنْ لاَاِلَهَ إِلاَّاللهُ مُفِيْضُ اْلإِحْسَانِ وَالنِّعَمْ ، وَأَشْهَدُأَنَّ سَيِّدَناَ مُحَمَّدًا رَسُوْلُ اللهِ  سَيِّدُ اْلعَرَبِ وَالْعَجَمْ  ، اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلىَ سَيِّدِناَ مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ .  أَمَّا بَعْدُ : فَيَا أَيُّهَا النَّاسُ . اِتَّقُوااللهَ حَقَّ تُقَاتِهِ ولاَ تَمُوْتُنُّ إِلاَّ وَأَنْتُمْ مُسْلِمُوْنَ .  أَلاَ وَصَلُّوْا عَلَى نَبِيِّكُمْ يَاحَاضِرِيْنَ وَسَلِّمُوْا تَسْلِيْمًا  ، إِنَّ اللهَ وَمَلاَئِكَتَهُ يُصلُّوْنَ عَلَى النَّبِىِّ يَا أَيُّهَا الَّذِيْنَ آمَنُوْا صَلُّوْا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوْا تَسْلِيْمًا .
     اَللَّهُمَّ اغْفِرْ لِلْمُسْلِمِيْنَ وَاْلمُسْلِمَاتِ وَاْلمُؤْمِنِيْنَ وَاْلمُؤْمِنَاتِ اْلأَحْياَءِ مِنْهُمْ وَاْلأَمْوَاتِ بِرَحْمَتِكَ يَاأَرْحَمَ الرَّاحِمِيْنَ . رَبَّنَاتَقَبَّلْ مِنَّا إِنَّكَ أَنْتَ السَّمِيْعُ الْعَلِيْمَ
 وَتُبْ عَلَيْنَا إِنَّكَ أَنْتَ التَّوَّابُ الرَّحِيْمُ . وَاجْعَلْنَا مِنَ الَّذِيْنَ تَجْرِيْ مِنْ تَحْتِهِمُ اْلأَنْهَارُ فِيْ جَنَاَّتِ النَعِيْمِ .
دَعْوَاهُمْ فِيْهَا سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ وَتَحِيَّتُهُمْ فِيْهَا سَلاَمْ . وَآخِرُدَعْوَاهُمْ أَنِ اْلحَمْدُ ِللهِ رَبِّ اْلعَالَمِيْنَ ....