วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คุตบะห์อีดิ้ลอัฏฮา 2554 ( 1 )

           คุตบะห์อีดิ้ลอัฏฮา 2554 ( 1 )
الخطبة لعيدالأضحى


โดย อ.อาลี  กองเป็ง     
              
                                                                                                                                        

                                                             
الله اَكْبَرُ اللهُ اَكْبَرُ اَللهُ اَكبَرُ اللهُ اَكبَرُ اَللهُ اَكْبَرُ اللهُ اَكبَرُ اَللهُ اَكبَرُ اَللهُ اَكْبَرُ
اَللهُ اَكْبَرُكَبِيْرًا وَالْحَمْدُلِلَّهِ كَثِيْرًاوَسُبْحَانَ اللهِ بُكْرَةً وَاَصِيْلاَ لاَاِلهَ اِلاَّ اللهُ وَاللهُ اَكْبَرُاللهُ أَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمْدُ                            اَلْحَمْدُلِلّهِ الَّذِيْ مَدَّ لَنَا مَوَاعِدَ إِحْسَانِهِ وَإِنْعَامِهِ ، وَأَعَادَعَلَيْنَا فِيْ هذِهِ الأَيَّامِ عَوَاعِدَ بِرِّهِ وَإِكْرَامِهِ ،  وَخَصَّنَا بِضِيَافَةِ عِيْدِ السُّرُوْرِعَلَى تَعَاقُبِ أَيَّامِهِ،   وَجَعَلَنَامِنْ أُمَّةِ سَيِّدِ الْمُرْسَلِيْنَ الْمُشَفِّعِ يَوْمَ الْمَحْشَرِ،   أَحْمَدُهُ وَأَشْكُرُهُ عَلَى مَاأَوْلَى مِن جَزِيْلِ النِّعَمِ  ،  وَأَسْتَغْفِرُهُ وَأَشْهَدُ اَنْ لاَاِلهَ إِلاَّاللهُ عَظِيْمُ الاِفْضَالِ وَالْكَرَمِ ،   وَأَشْهَدُ أَنَّ سَيِّدَنَا مُحَمَّدًارَّسُوْلُ اللهِ سَيِّدُ الْعَرَبِ وَالْعَجَمِ ،  
اَللّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى سَيِّدِنَامُحَمَّدٍ ، وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ مَاهَلَّلَ وَكَبَّرَ،  أَمَّابَعْدُ  : فَيَاعِبَادَ اللهِ   أُوْصِيْكُمْ بِنَفْسِيْ أَوَّلاً بِتَقْوَى اللهِ تَعَالَى وَطَاعَتِهِ . فقد قَالَ اللهُ تَعَالَى فِى الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ : {  قاَلَ يَابُنَيَّ إِنِّيْ أَرَى فِي الْمَنَامِ أَنِّيْ أَذْبَحُكَ فَانْظُرْمَاذَاتَرَى  قاَلَ  يَااَبَتِ افْعَلْ مَاتُؤْمَرُسَتَجِدُنِيْ اِنْ شَاءَ اللهُ مِنَ الصَّابِرِيْنَ }

ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
   เป็นความปรารถนาของมุสลิมทั่วโลกที่จะได้กล่าวคำว่า   اللهُ اَكْبَرُ    พร้อมกับได้ยินสำนวนนี้ด้วยความรู้สึกปรามปลื้มปิติยินดีไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก หรือผู้ใหญ่ ต่างส่งเสียงประกาศความเกรียงไกรของพระเจ้า แต่ละคนจัดแจงอาบน้ำ ประดับร่างกายใส่ของหอม พร้อมกับยิ้มแย้มแจ่มใส จูงลูกจูงหลานมุ่งหน้าสู่วันอีดอัฎฮา เพื่อทำการละหมาดเป็นการภักดีต่ออัลเลาะห์ที่พระองค์ได้ทรงประทานเนี๊ยะมัตให้เขาได้รับความสุข พร้อมได้มีโอกาสแสดงความกตัญญูต่อพระผู้เป็นเจ้าในการกล่าวตักบีรว่า
اللهُ اَكْبَرُ
อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า  { وَلِتُكَبِّرُوا اللَّهَ عَلَى مَا هَدَاكُمْ }        ( الحج  : 37)

         ความว่า  “และเพื่อพวกเจ้าจักได้แซ่ซ้องอัลเลาะห์อย่างเกรียงไกรต่อการที่พระองค์ทรงชี้แนะแก่พวกเจ้า
และพระองค์ทรงกล่าวไว้ในซูเราะห์ อัล บากอเราะห์ว่า 

{ وَاذْكُرُوا اللَّهَ فِي أَيَّامٍ مَعْدُودَاتٍ }     ( سورة البقرة : 203)

           ความว่า  และพวกท่านจงกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะห์ในบรรดาวันที่ถูกนับไว้
                      (คือวันที่ 11 13 ของเดือนซู้ลฮิจยะห์)
สำนวนของการกล่าวตักบีร คือ
اللهُ اَكْبَرُ اَللهُ اَكْبَرُ اَللهُ اَكْبَرُ لااِلَهَ اِلاَّ اللهُ اَللهُ اَكْبَرُاَللهُ اَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمْدُ

ซึ่งการกล่าวตักบีรนี้ไม่นับในการละหมาดและคุตบะห์(ธรรมเทศนา)
กล่าวคือการกล่าวตักบีร มีลักษณะด้วยกันดังนี้
          ข้อที่ 1    นามชื่อว่า  มุรซัลمُرْسَلْ           
             ข้อที่  2   นามชื่อว่า  มุกอยยัด مُقَيَّدْ
การกล่าวตักบีรแบบมุรซัลให้มุสลิมกล่าวในเวลาใดก็ได้ที่เขามีความปรารถนา และเป็นสุนัตมูอักกัตขณะที่ออกไปสู่การละหมาด
ตักบีรมุรซัล  مُرْسَلْ   นี้มีบัญญัติให้ทำการกล่าวทั้งอิดอีดิ้ลฟิตรีและอีดิ้ลอัฎฮา ในฐานะเป็นสุนัตทั้งชาย หญิงและมุสลิมทั่วไป ด้วยการกล่าวขณะอยู่บ้าน ตามทางสัญจร ตามมัสยิดและท้องตลาด เริ่มกล่าวตั้งแต่อาทิตย์ลับขอบฟ้าของคืนวันอีด และให้ทำการกล่าวเรื่อยไปจนกระทั่งอีหม่ามสู่ที่ทำการละหมาด
ตักบีร مُقَيَّدْ  มุกอยยัด”  มีบัญญัติเฉพาะอีดิ้ลอัฎฮาให้เขาทำการกล่าวหลังจากการละหมาดฟัรฎู  5 เวลา ไม่ว่าจะเป็นละหมาดในเวลาหรือละหมาดชดใช้และก็ยังมีสุนัตให้กล่าวอีกหลังจากละหมาดสุนัตรอว่าเตบ สุนัตมุตลักและหลังการละหมาดญ่านาซะห์ جَنَازَة       ถ้าแม้นว่ามี جَنَازَةْ
เวลาของการกล่าวตักบีร مُقَيَّدْ    หลังจากละหมาดซุบฮิ ของวันอารอฟะห์ จนกระทั่งหลังละหมาดอัสรี่ ที่เป็นวันสุดท้ายของตัซรีก
اَللهُ اَكْبَرُ اَللهُ اَكْبَرُاَللهُ اَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمْدُ
ในเทศกาลอีดิ้ลอัฎฮาพี่น้องมุสลิมที่พอจะมีฐานะต่างก็สนองคำสั่งใช้จากอัลเลาะห์
ที่พระองค์ทรงตรัสว่า
{ إِنَّا أَعْطَيْنَاكَ الْكَوْثَرَ  فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَانْحَرْ  إِنَّ شَانِئَكَ هُوَ الْأَبْتَرُ  } سورة الكوثر

          ความว่า  แท้จริงเราได้ประทานอัลเกาซัรแก่เจ้าแล้ว(ซึ่งเป็นแม่น้ำในสวรรค์)  ดังนั้นเจ้าจงละหมาดและจงเชือดสัตว์พลี แท้จริงศัตรูของเจ้านั้นเขาเป็นผู้ถูกตัดขาด

รายงานจากท่านหญิงอาอีชะห์ว่า
{انَّ النَّبِيَّ صَلىَ اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ  قاَلَ  : مَاعَمِلَ آدَمِيٌّ مِنْ عَمَلِ يَوْمِ النَّحْرِ اَحَبُّ اِلَى اللهِ مِنْ اِهْرَاقِ الدَّمِ  اِنَّهَا لَتَأْتِيْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ بِقُرُوْنِهَا وَاَشْعَارِهَا وَاَظْلافِهَا وَاَنَّ الدَّمَ لَيَقَعُ مِنَ اللهِ بِمَكَانٍ قَبْلَ اَنْ يَقَعَ عَلىَ اْلاَرْضِ .  الحديث رواه الترمذي
                                                                                                          
          ความว่า   แท้จริงท่านนบี .กล่าวว่าไม่มีการประกอบภารกิจใดของลูกหลานอาดัมในวันนะฮัร  อันเป็นที่รักยิ่ง ที่อัลเลาะห์ไปกว่าการเชือดกุรบ่าน แท้จริงจะบังเกิดขึ้นมาในวันกียามะห์ พร้อมด้วยเขาของมัน ขนของมัน เล็บของมันและเลือดของ
กุรบ่าน จะเป็นที่ตอบรับ ที่อัลเลาะห์ก่อนที่หยดเลือดจะตกถึงพื้นดินเสียอีก
การเชือดสัตว์ทำกุรบ่านเป็น  سنَّةٌ مُؤَكَّدَةٌ  และถือว่ามักโร๊ะห์  ในการละทิ้ง ถ้าแม้เขามีความสามารถ ดังมีรายงานจากท่าน อะนัส ว่า
{اَنَّ النَبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ضَحَّى بِكَبْشَيْنِ اَمْلَحَيْنِ اَقْرَنَيْنِ ذَبَحَهُمَا  بِيَدِهِ وَسَمَّى وَكَبَّرَ}   رواه البخاري ومسلم

          ความว่า   แท้จริงท่านนบี (..) ได้เชือดกุรบ่านด้วยแกะสองตัว ที่สีขาวปนดำมีสองเขาที่สวย
และจากอุมมีซะลามะห์ว่า
{انَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ  اِذَارَاَيْتُمْ هِلالَ ذِي الْحِجَّةِ وَاَرَادَ اَحَدُكُمْ اَنْ يُضَحِّيَ فَلْيُمْسِكْ عَنْ شَعْرِهِ وَاَظْفَارِهِ}     رواه مسلم

          ความว่า     ท่านนบีได้กล่าวว่า เมื่อพวกท่านได้แลเห็นเดือนที่เข้าสู่ซุ้ลฮิจยะห์และคนใดจากพวกท่านปรารถนาที่จะทำการเชือดกุรบ่าน  จงอย่าตัดผม ขนและเล็บ
คำว่าเมื่อท่านต้องการหรือปรารถนาเป็นหลักฐานถึงการเชือดกุรบ่านเป็นสุนัต ไม่ถึงขั้นวายิบ  ยกเว้นในกรณีที่เขาได้บนเอาไว้หรือกล่าว هذِهِ لِله   สัตว์ตัวนี้เพื่ออัลเลาะห์
หรือ  هذِهِ اُضْحِيَّةٌ    สัตว์ตัวนี้เพื่อทำกุรบ่าน
และตามทัศนะของอีหม่ามมาลิก กล่าวว่า ถ้าแม้นคนหนึ่งได้ซื้อสัตว์โดยมีเจตนาทำ
กุรบ่านก็ถือว่าจำเป็น  และเพื่อเป็นการตอกย้ำ ซ้ำเตือนในโอกาสต่อไปถึงเงื่อนไขเวลาเชือด
ให้ท่านพี่น้องทำการเชือดเมื่อเสร็จจากการละหมาดและสองคุตบะห์
     ซึ่งมีบันทึกของท่านบุคอรีและมุสลิมว่า จากท่านนบี กล่าวว่า
{مَنْ ذَبَحَ قَبْلَ الصَّلاةِ فَاِنَّمَايَذْبَحُ لِنَفْسِهِ وَمَنْ ذَبَحَ بَعْدَ الصَّلاةِ وَالْخُطْبَتَيْنِ فَقَدْ اَتَمَّ نُسُكَهُ وَاَصَابَ سُنَّةَ الْمُسْلِمِيْنَ}متفق عليه

          ความว่า   ผู้ใดเชือดกุรบ่านก่อนละหมาด แท้จริงเขาจะเชือดเพื่อตัวเขาเอง และผู้ใดเชือดกุรบ่านหลังละหมาดและสองคุตบะห์ ความจริงได้สมบูรณ์แบบการเชือดสัตว์พลีทาน และได้ประสพตามแนวทางของบรรดามุสลิม

اَللهُ اَكْبَرُ اَللهُ اَكْبَرُاَللهُ اَكْبَرُ وَلِلَّهِ الْحَمدْ

ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
         การเชือดกุรบ่านพลีทานเป็นบัญญติจากอัลเลาะห์ เพื่อให้มวลมุสลิมได้แสดงออกถึงความเอื้ออาทรต่อครอบครัว เพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิมและบรรดาคนยากไร้ จึงเป็นสุนัตแก่เจ้าของกุรบ่าน ให้เขาได้ทานจากกุรบ่านของเขา และให้เป็นของกำนัลแก่เครือญาติและบริจาคแก่บรรดาคนยากจน และเพื่อปลูกจิตสำนึกถึงความอีหม่านอันแรงกล้าของเด็กชายผู้หนึ่งที่มีนามชื่อว่า อิสมาอิล พร้อมกับผู้ที่เป็นบิดาที่มีนามชื่อว่า อิบรอฮีม
ดังมีรายงานเล่ากล่าวว่า ท่านนบีอิบรอฮีมได้เชือดกุรบ่านแกะ 1,000 ตัว และวัว 300 ตัวและอูฐ 100 ตัว บรรดาผู้คนและเหล่ามาลาอีกะห์เกิดความฉงนถึงความใจบุญดังกล่าว
          ท่านอิบรอฮีม(.) กล่าวว่า
كُلُّ مَاتَقَرَّبَ بِهِ لَيْسَ بِشَيْءٍ عِنْدِيْ وَاللهِ لَوْكَانَ لِيْ ابْنٌ لأَذْبَحَنَّهُ فِيْ سَبِيْلِ اللهِ
         ความว่า   ทุกสิ่งที่ฉันได้ทำเพื่อความใกล้ชิดต่ออัลเลาะห์ มิใช่สิ่งที่มากมายสำหรับฉันเลย ขอสาบานต่ออัลเลาะห์ว่า มาดแม้นฉันได้มีลูกอันเป็นสุดที่รักฉันก็จะเชือดลูกเป็นกุรบ่านไปในหนทางของอัลเลาะห์
เมื่อการเวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานจึงทำให้นบีอิบรอฮีม(.)ลืมคำพูดดังกล่าว จนกระทั่งท่านได้เดินทางสู่พื้นดินอันบริสุทธิ์ ท่านได้วิงวอนขอต่ออัลเลาะห์ให้ได้บุตร อัลเลาะห์ก็ทรงรับโดยประทานบุตรที่น่ารักแก่ท่าน นามชื่อว่าอิสมาอีล(.)
اَللهُ اَكْبَرُ اَللهُ اَكْبَرُاَللهُ اَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمْدُ

อัลเลาะห์ทรงตรัสเล่าประวัติของอิบรอฮีม(.)ขณะทำการขอดุอาอ์ต่ออัลเลาะห์ว่า 

{ رَبِّ هَبْ لِي مِنَ الصَّالِحِينَ }  (الصافات :  100)
         “ความว่า   ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงประทานบุตรที่มาจากหมู่คนดีแก่ข้าพระองค์เถิด
{ فَبَشَّرْنَاهُ بِغُلَامٍ حَلِيمٍ }     (الصافات : 101)

         ดังนั้นเราจึงแจ้งข่าวดีแก่เขาว่าจะมีลูกคนหนึ่งที่มีความอดทนขันติ คืออีสมาอีล
{ فَلَمَّا بَلَغَ مَعَهُ السَّعْيَ قَالَ يَا بُنَيَّ إِنِّي أَرَى فِي الْمَنَامِ أَنِّي أَذْبَحُكَ فَانْظُرْ مَاذَا تَرَى قَالَ يَا أَبَتِ افْعَلْ مَا تُؤْمَرُ سَتَجِدُنِي إِنْ شَاءَ اللَّهُ مِنَ الصَّابِرِينَ }(الصافات:102)
         ครั้นเมื่อ(อีสมาอีล)เติบโตขึ้นไปไหนมาไหนกับอิบรอฮีมได้(นักตัฟซีรกล่าวว่าอิสมาอีล มีอายุได้ 13 ปี) บางรายงานกล่าวว่า 7 ขวบ
อิบรอฮีมได้กล่าวขึ้นว่าโอ้ลูกเอ๋ยแท้จริงพ่อได้เห็นในฝันว่า พ่อได้เชือดเจ้า เจ้าจงคิดดูซิว่าเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร อิสมาอีลกล่าวว่าโอ้พ่อจ๋า พ่อจงปฎิบัติตามที่พ่อได้ถูกบัญชามาเถิด หากอัลเลาะห์ทรงประสงค์พ่อจะเห็นว่าฉันอยู่ในหมู่ผู้ที่มีความอดทน
         ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า ในคืนตัรวียะห์ นบีอิบริฮีมได้ฝันว่ามีเสียงกล่าวแก่ท่านว่า โอ้อิบรอฮีมจงทำตามสิ่งที่ท่านได้บนไว้ เมื่อรุ่งสาง นบีอิบรอฮีมเกิดความสงสัยว่าความฝันนั้นมาจากอัลเลาะห์หรือซัยตอน จึงถูกนามชื่อวันนั้นว่าวันตัรวียะห์ เมื่อคืนที่สองท่านก็ฝันอีก จึงทำให้ท่านมั่นใจว่ามาจากอัลเลาะห์เป็นแน่แท้ จึงถูกนามชื่อวันนี้ว่าวันอารอฟะห์ เมื่อถึงคืนที่สาม ท่านก็ฝันเช่นดังกล่าวท่านจึงตั้งใจแน่วแน่นว่าต้องทำการเชือดบุตรสุดที่รักตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า จึงถูกขนานนามวันนี้ว่าวันนะฮัร   
นักประวัติศาสตร์เล่าว่า ในขณะอิบรอฮีมปรารถนาที่จะนำอิสมาอิลไปทำการเชือด ท่านได้กล่าวแก่ผู้เป็นมารดาของอิสมาอีลนามชื่อว่าฮายัร เธอจงสวมอาภรณ์แก่อิสมาอีลด้วยอาภรณ์ที่สวยสุด เราจะพาลูกไปเป็นแขกรับเชิญ ฮายัรผู้เป็นมารดาจึงได้ประดับประดาลูกชายสุดที่รับด้วยอาภรณ์ที่สวยหรู พร้อมกับหวีผมและใส่น้ำมันผม ท่านนบีอิบรอฮีมได้นำอิสมาอีล ออกเดินทางสู่ทุ่งมีนาพร้อมด้วยมีดและเชือก 1 มัด ขณะนั้นได้เกิดความทุรนทุรายแก่อิบลิสที่ไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน มันจึงกล่าวแก่อิบรอฮีมว่า เจ้าไม่เห็นหรือว่าลูกเจ้ามีรูปร่างสง่ามงาม บุคลิกที่เรียบร้อย ชั่งน่ารักเหลือเกิน อิบรอฮีมกล่าวว่าข้ายอมรับแต่นั้นเป็นคำสั่งใช้จากพระเจ้า เมื่ออิบลีสหมดหวังจากอิบรอฮีม มันจึงมุ่งหน้าเข้าหาผู้เป็นแม่คือฮายัร ถึงอย่างไรความรักของแม่คงยอมไม่ได้ที่จะมีคนหนึ่งนำลูกไปเชือด
อิบลิสกล่าวแก่ฮายัรว่า เธอยังนั่งอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ขณะนี้อิบรอฮีมนำลูกของเธอไปเชือด ฮายัรกล่าวว่าเจ้าอย่าโกหกเลย จะมีหรือที่พ่อจะเชือดลูกได้ลงคอ อิบลีสกล่าวเธอไม่ห็นหรอกหรือว่าอิบรอฮีมนำมีดและเชือกไปด้วย ฮายัรจึงกล่าวถามขึ้นว่า เพราะเหตุใดเขาจะเชือดลูก อิบลีสตอบว่า เพราะอิบรอฮีมอ้างว่าเป็นคำสั่งใช้จากพระเจ้า ฮายัรกล่าวตอบด้วยอีหม่านอันเข้มแข็งว่า นบีอิบรอฮีมจะไม่ทำสิ่งใดยกเว้นสิ่งนั้นเป็นบัญชาใช้จากพระเจ้าเละเราขอถวายชีวิตเพื่อพระเจ้าเช่นเดียวกัน อิบลีสหมดหวังจากการล่อลวงฮายัร จึงมุ่งหน้าสู่อิสมาอีลและกล่าวว่าโอ้อิสมาอีล เจ้ายังร่าเริงอยู่ได้เช่นไรเมื่อในมือพ่อของเจ้ามีเชือกเพื่อมัดเจ้าและมีดเชือดเพื่อเชือดเจ้า อิสมาอีลกล่าวว่าเจ้าอย่าโกหกเลย พ่อของข้าจะไม่เชือดข้าเด็ดขาด แต่พ่อเจ้าอ้างว่าเป็นบัญชาใช้จากพระเจ้าเป็นคำกล่าวของอิบลีส 
อิสมาอีลตอบ ถ้าเป็นเช่นนั้น سَمِعْنَا وَاَطَعْنَاِلأَ مْرِرَبِّيْ ข้ายินดีและยอมสิโรราบจากคำสั่งใช้จากพระเจ้าของฉัน  ขณะนั้นอิบลิสปรารถนาจะล่อลวงด้วยวาจาโน้มน้าวอิสมาอีล   อิสมาอีลจึงได้หยิบก้อนหินแล้วขว้างไปที่อิบลีส จนทำให้ลูกตาข้างซ้ายของอิบลีสถึงกับบอด
         เมื่ออิบรอฮีมพาอิสมาอีลถึงมีนา อิบรอฮีมกล่าวแก่บุตรสุดที่รักว่า
قَالَ يَا بُنَيَّ إِنِّي أَرَى فِي الْمَنَامِ أَنِّي أَذْبَحُكَ فَانْظُرْ مَاذَا تَرَى }   ( الصافات : 102 )    }

        ความว่า   โอ้ลูกเอ๋ย แท้จริงพ่อได้เห็นในฝันว่า พ่อได้เชือดเจ้า จงคิดดูซิว่าเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร เป็นการลองเชิงจากอิบรอฮีมต่อลูกถึงความอดทนและอีหม่านของลูกหรืออาจจะเป็นการขอร้อง
         แต่กระนั้นด้วยศรัทธาแห่งอิสมาอีลจึงได้ตอบแก่ผู้เป็นบิดาว่า
{ قَالَ يَا أَبَتِ افْعَلْ مَا تُؤْمَرُ سَتَجِدُنِي إِنْ شَاءَ اللَّهُ مِنَ الصَّابِرِينَ }  ( الصافات : 102 )

         ความว่า   โอ้พ่อจ๋า จงปฏิบัติตามที่พ่อได้ถูกบัญชามาเถิดหากอัลเลาะห์ทรงประสงค์ พ่อจะเห็นว่าฉันอยู่ในหมู่ผู้ที่มีความอดทน
          ครั้นเมื่ออิบรอฮีมได้ยินคำพูดที่ยอมรับภักดีต่อพระเจ้าอันเกิดจากอีหม่านอิบรอฮีมจึงมั่นใจเลยที่เดียวว่า อัลเลาะห์ทรงรับดุอาของเขาแล้ว ที่เขาได้เคยขอดุอาต่ออัลเลาะห์ว่า
{ رَبِّ هَبْ لِي مِنَ الصَّالِحِينَ }  (الصافات:100)
         ความว่า  โอ้อัลเลาะห์โปรดประทานบุตรให้แก่ข้าพเจ้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากคนซอและห์
         อิบรอฮีมจึงได้สรรเสริญต่อพระเจ้าด้วยสำนวนการสรรเสริญ  الْحَمْدُلِلهِ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า       

اَللهُ اَكْبَرُ اَللهُ اَكْبَرُاَللهُ اَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمْدُ

ครั้นเมื่อท่านอิบรอฮีมจะทำการลงมือเชือดท่านอิสมาอีลผู้เป็นบุตรสุดที่รัก
อิลมาอีลได้กล่าวขอร้องต่ออิบรอฮีมว่า
ياَاَبَتِ اُوْصِيْكَ بِاَشْيَاءَ

         โอ้คุณพ่อลูกขอจากท่านในเรื่องต่อไปนี้ได้หรือไม่
اَنْ تَرْبِطَ يَدَيَّ كَيْلاَ اَضْطَربَ فَاُوْذِيْكَ

         1. โปรดมัดเชือกที่สองมือฉันในแน่นเพื่อฉันจะได้ไม่ดิ้นทุรนทุรายมันจะเป็นเหตุให้ท่านเจ็บปวด
وَاَنْ تَجْعَلَ وَجْهِيْ عَلَى اْلاَرْضِ كَيْلاَتَنْظُرَوَجْهِيْ فَتَرْحَمَنِيْ
      2.  โปรดกดใบหน้าของฉันกับพื้นดิน เพื่อท่านจะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้าฉันแล้วมันจะเกิดความสงสาร
وَاكْفُفْ عَنِّيْ ثِيَابَكَ كَيْلا يتَلَطَّخَ عَلَيْهَاشَيْءٌ مِنْ دَمِيْ فَيَنْقُصَ اَجْرِيْ وَتَرَاهُ اُمِّيْ فَتَحْزَنَ

         3.  โปรดกระชับเสื้อผ้าของพ่อ เพื่อที่มันจะได้ไม่เปรอะเปื้อนจากเลือดของลูกและมันจะทำให้ผลบุญลดน้อยลงไปและแม่จะได้ไม่ต้องเห็นรอยเลือดซึ่งเป็นเหตุให้แม่ต้องโศกเศร้า
وَاشْحَدْشَفْرَتَكَ وَاَسْرِعْ اِمْرَارَهَاعَلَى حَلْقِيْ لِيَكُوْنَ اَهْوَنَ فَاِنَّ الْمَوْتَ شَدِيْدٌ

         4.  โปรดลับมีดให้คมกริบและรีบเฉือนที่ตรงกระเดือกของลูก เพื่อจะได้เกิดการผ่อนปรนเพราะความตายช่างแสนเจ็บปวด

وَاَنْ تَذْهَبَ بِقَمِيْصِيْ اِلَى اُمِّيْ تَذْكِرَةً لَهَامِنِّيْ
         5.  โปรดนำเสื้อของลูกไปฝากแม่ด้วยไว้เป็นที่ระลึกต่อเธอ

وَسَلِّمْ عَلَيْهَاوَقُلْ لَهَا اِصْبِرِيْ عَلَى اَمْرِاللهِ
         6.  ฝากสล่ามถึงแม่ด้วยพร้อมบอกแม่ว่าจงอดทนต่อคำสั่งใช้ของอัลเลาะห์

وَلاَتُخْبِرْهَاكَيْفَ ذَبَحْتَنِيْ وَكَيْفَ رَبَطْتَ يَدَيَّ
         7.  พ่ออย่าได้บอกกับแม่นะว่าพ่อได้เชือดฉันและมัดฉันอย่างไร
وَلاَتُدْخِلِ الصِّبْيَانَ عَلَى اُمِّيْ كَيْلاَ يَتَجَدَّدَ حُزْنُهَاعَلَيَّ
         8.  พ่ออย่านำเด็กผู้ใดไปพบแม่เลยเพื่อเธอจะได้ไม่ต้องเศร้าหมองอีก
وَاِذَارَاَيْتَ غُلامًا مِثْلِيْ فَلا تَنْظُرْاِلَيْهِ حَتَّى لاتَجْزَعَ وَلاتَحْزَنَ

         9.   เมื่อพ่อได้เห็นเด็กรุ่นเดียวกับลูกโปรดอย่างมองยังเด็กนั้น เพื่อพ่อจะได้ไม่ต้องหวั่นไหวและเศร้าโศก
         อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า

{ فَلَمَّا أَسْلَمَا وَتَلَّهُ لِلْجَبِينِ }    ( الصافات : 103 )

         ความว่า   ครั้นเมื่ออิบรอฮีมผู้เป็นพ่อและอิสมาอีลผู้เป็นลูกได้ยอมมอบตนแด่
อัลเลาะห์ อิบรอฮีมได้ให้อิสมาอีลคว่ำหน้าลงกับพื้น
         ได้มีเล่ากล่าวต่ออีกว่า อิบรอฮีมจรดมีดที่ต้นคอของอิสมาอีลด้วยสุดกำลังที่มี แต่มีดอันคมกริบก็ไม่สามารถผ่านผิวหนังของอิสมาอีลได้เลย  มวลมาลาอีกะห์ถึงกับก้มสูยุดต่ออัลเลาะห์ด้วยจิตที่ยอมรับความอีหม่านของพ่อลูกคู่นี้  อิสมาอีลกล่าว โอ้คุณพ่อแกะเชือกที่มัดมือและเท้าของลูกออกเถิด เพื่อแสดงว่าลูกไม่ได้ถูกบังคับ พร้อมกดหน้าลูกให้ติดพื้น จงเชือดให้แรงกว่านี้ แต่มีดก็ไม่สามารถแผ้วพานผิวหนังที่ต้นคอของอิสมาอีลเลย  โอ้พ่อจ๋าความรักของพ่อต่อฉันมันทำให้พ่ออ่อนแอแล้วหรือ
         อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า

{ وَنَادَيْنَاهُ أَنْ يَا إِبْرَاهِيمُ  قَدْ صَدَّقْتَ الرُّؤْيَا إِنَّا كَذَلِكَ نَجْزِي الْمُحْسِنِينَ }     (  الصافات: 104 , 105)

         ความว่า  และเราได้เรียกเขาว่าโอ้อิบรอฮีมเอ๋ย แน่นอนเจ้าได้ปฏิบัติถูกต้องตามฝันแล้ว แท้จริงเช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย

{إِنَّ هذَا لَهُوَ الْبَلاءُالْمُبِيْنُ }         الصافات106

         ความว่า  แท้จริงนั้นคือการทดสอบที่ชัดแจ้งแน่นอน
{وَفَدَيْنَاهُ بِذِبْحٍ عَظِيْمٍ}
         “ ความว่า  และเราได้ให้ค่าไถ่ตัวเขาด้วยสัตว์เชือดพลีอันใหญ่หลวง
         มีรายงานเล่าว่า ยิบรออิลได้นำแกะที่ร่างใหญ่สวยงามมอบให้อิบรอฮีมเพื่อเชือดพลีเป็นการไถ่ตัวอิสมาอีล พร้อมกับยิบรออีลกล่าวประกาศความเกรียงไกรของอัลเลาะห์ว่า
اَللهُ أَكبَرُ  اللهُ أَكْبَرُ
                   
                               เมื่ออิบรอฮีมได้ยินคำดังกล่าวเขาจึงกล่าวต่อ
لاَاِلهَ إِلاَّ اللهُ وَاللهُ أَكْبَرُ

                                 อิสมาอีลมีความซาบซึ้งถึงกับกล่าวว่า

اَللهُ أَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمْدُ

สำนวนดังกล่าวนี้เป็นสำนวนที่สุดแห่งความสวยงาม จึงได้ถูกกล่าวขานก้องกังวานในวันนะฮัร
         อิบนุอับบาสกล่าวว่า  มาดแม้นอิสมาอิลตายเพราะถูกเชือด การที่พ่อต้องเชือดลูกทำกุรบ่านก็จะกลายสภาพเป็นซุนนะห์เลยทีเดียว


اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمْدُ


ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
         การถนอมความรักระหว่างพี่น้องมุสลิม ทำให้ได้ความเราะห์มัต(พระเมตตา)จากพระเจ้า ทุกคนเข้าสวรรค์ของอัลเลาะห์เพราะอัลเลาะห์ทรงเมตตานะท่านที่น้อง กรุณาอย่าสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจแก่กันเลย ท่านนบี(.) ได้กล่าวว่า
{كُلُّ الْمُسْلِمِ عَلَى الْمُسْلِمِ حَرَامٌ  دَمُهُ وَمَالُهُ وَِعرضُهُ}  .    رواه مسلم

         ความว่า  ทุกผู้คนที่เป็นมุสลิมห้ามละเมิดต่อพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าการหลั่งเลือด ทรัพย์สินและศักดิ์ศรี
         และท่านนบี(.) กล่าวว่า
{لاَيَحِلُّ لِمُسْلِمٍ اَنْ يُرَوِّعَ مُسْلِمًا} رواه الامام أحمد وأبوداود .

           ความว่า   ไม่เป็นที่อนุญาตแก่มุสลิมที่จะทำให้เกิดความหวาดกลัวต่อพี่น้องมุสลิมของเขา
         และท่านนบีกล่าวอีกว่า

{اَلْمُسْلِمُ مَنْ سَلِمَ الْمُسْلِمُوْنَ مِنْ لِسَانِهِ وَيَدِهِ}   .  رواه البخاري ومسلم والترمذي

         ความว่า   มุสลิมที่แท้คือมุสลิมผู้อื่นได้ปลอดภัยจากการประทุษร้าย ด้วยวาจาและน้ำมือของเขา
         ท่านนบี(..) ได้นั่งสนทนากับภรรยาของท่านผู้หนึ่ง แล้วภรรยาผู้นี้ก็ได้กล่าวถึงหญิงอีกคนหนึ่งว่า เตี้ยด้วยอ้วนด้วย ท่านนบี(.) รู้สึกสะอึกพร้อมกล่าวว่า ถ้าแม้นคำพูดของเธอเอาไปจุ่มในมหาสมุทร แน่นอนเหลือเกินว่าน้ำในมหาสมุทรจะเน่าหมดเลยทีเดียว
         ท่านพี่น้องที่รักครับ เราคิดกันหรือยังว่าวันนี้ เราจะเริ่มขออภัยใครก่อนและขอมาอัฟเรื่องไหนก่อน ถ้าเราได้เกิดไปล่วงล้ำสิทธิ์ของผู้อื่นจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าเกิดจากกาย วาจาและใจ  เราขอดุอาต่ออัลเลาะห์ว่าให้เราปลอดภัยจาการประทุษร้ายของผู้อื่น แต่ทำไมเราต้องทำร้ายผู้อื่นด้วยเล่า
         เราขอดุอาต่ออัลเลาะห์ว่า
نْ شَرِّحَاسِدٍ إِذَاحَسَدَ }

         ความว่า   ขอความคุ้มครองต่ออัลเลาะห์ให้พ้นจากการอิจฉาของผู้อื่นและทำไมเราไม่ขอดุอาต่ออัลเลาะห์ว่าอย่าให้เราไปอิจฉาใครเลย
         ท่านนบีได้กล่าวว่า

{إِيَّاكُمْ وَالْحَسَدَ فَإِنَّ الْحَسَدَ يَأْكُلُ الْحَسَنَاتِ كَمَاتَأْكُلُ النَّارُالْحَطَبَ اَوِالْعُشْبَ }.    رواه البخاري ومسلم وابوداود


         ความว่า  ท่านทั้งหลายจงระวังเรื่องการอิจฉา อันที่จริงการอิจฉามันลบล้างความดี ประดุจดังไฟที่ไหม้ฟืนหรือหญ้าแห้ง


اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ وَلِلهِ الْحَمدْ


ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
         ท่านนบีมู่ฮำมัด ..ได้กล่าวว่า
{مثَلُ الْمُؤْمِنِيْنَ فِيْ تَوَادِّهِمْ وَتَرَاحُمِهِمْ وَتَعَاطُفِهِمْ كَمَثَلِ الْجَسَدِ إِذَااشْتَكَى مِنْهُ عُضْوٌتَدَاعَى لَهُ سَائِرُ الْجَسَدِبِالسَّهَرِ وَالْحُمَّى } . رواه مسلم

         อุปมาพี่น้องมุมินในความรักที่มีต่อกัน ความเมตตาที่มีต่อกันความสงสารที่มีต่อกัน อุปมัยดังเรือนร่างเดียวกัน ครั้นเมื่ออวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายเกิดความเจ็บปวด ทั่วเรือนร่างก็เจ็บไข้ได้ป่วยและร้อนระอุไปด้วย
         เมตตาพร้อมอภัยกันเถิดครับ  แล้วเราในฐานะแห่งผู้เมตตาก็จะได้รับความเมตตาดั่งเช่นนบีกล่าวว่า
{اِرْحَمُوْامَنْ فِي اْلاَرْضِ يَرْحَمْكُم مَنْ فِي السَّمَاءِ } . ذكره البيهقي في سنن الكبرى

         “ ความว่า  ท่านทั้งหลายโปรดให้เมตตาผู้อยู่หน้าพื้นดินก็จะเมตตาพวกท่านผู้อยู่ในฝากฟ้า
         พี่น้องร่วมศรัทธาครับ อภัยกันเถิดครับ อดทนซึ่งกันและกันเถิดครับ รักษาหัวใจให้สะอาดแล้วเรือนร่างภายนอกก็จะสะอาดไปด้วย พร้อมปฏิบัติตามดำรัสของอัลเลาะห์ที่ทรงตรัสว่า
{وَاسْتَعِيْنُوْابِا لصَّبْرِوَالصَّلاَةِ }       البقرة 45   

         ความว่า   และเจ้าจงอาศัยความอดทนและการละหมาดเถิด
ใครรักใครชัง  ช่างเถิด  ใครเชิดใครชูชั่งเขา
ใครว่าใครบ่นทนเอา  ใจเราร่มเย็นเป็นพอ
การละหมาดนั้นทำให้ จิตใจสงบ และเป็น การพักผ่อนอันยอดเยี่ยม ดังเช่นท่าน
นบี ..ได้กล่าวแก่ท่าน บิลล้าล ว่า โอ้ บิล้าล โปรดให้เราได้พักผ่อนด้วยการละหมาดเถิด และความอดทนก็เช่นเดียวกันทำให้ผู้อดทนนั้นหลุดพ้นซึ่งอุปสรรค์ทั้งปวง
และทั้งสองนี้จะนำพาไปสู่พระเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้า
أَقُوْلُ قَوْلِيْ هذَاوَاَسْتَغْفِرُ اللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ إِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ


الخطبة الثانية لعيد الاضحى

اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ أَللهُ أَكْبَرُكَبِيْرًا وَالْحَمْدُلِلهِ كَثِيْرًا وَسُبْحَانَ اللهِ بُكْرَةً وَأَصِيْلاً لاَإِلَهَ إِلاَّ اللهُ وَاللهُ أَكْبَرُ اَللهُ أَكْبَرُ وَلِلَّهِ الْحَمْدُ    اَلْحَمْدُلِلَّهِ الَّذِيْ جَمَّلَ اْلاَعْيَادَبِالسُّرُوْرِ، وَضَاعَفَ لِلْمُتَّقِيْنِ جَزِيْلَ اْلاُجُوْرِ،          وَقَبِلَ مِنَ الْحُجَّاجِ وَالْعُمَّارِسَعْيَهُمُ الْمَشْكُوْرَ  ،   وَكَمَّلَ الضِّيَافَةَ فِيْ يَوْمِ الْعِيْدِ لِعُمُوْمِ الْمُؤْمِنِيْنَ   ،    أَحْمَدُهُ وَأَشْكُرُهُ عَلَى جَمِيْعِ نِعِمَّائِهِ   ،  وَأَسْتَغْفِرُهُ وَأَشْهَدُ اَنْ لااِلَهَ اِلاَّ اللهُ مُعِزُّأَوْلِيَاِئهِ ،  وَأَشْهَدُ اَنَّ سَيِّدَنَامُحَمَّدًارَسُوْلُ اللهِ سَيِّدُرَسُوْلِهِ وَأَنْبِيَائِهِ  ،  اَللّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ وَالتَّابِعِيْنَ    ،    أَمَّابَعْدُ    فَيَاعِبَادَاللهِ  " اِتَّقُوا اللهَ حَقَّ تُقَاتِهِ وَلاتَمُوْتُنَّ إِلاَّ وَأَنْتُمْ مُسْلِمُوْنَ"  أَلاَ وَصَلُّوْاعَلَى  نَبِيِّكُمْ يَاحَاضِرِيْنَ وَسَلِّمُوْا تَسْلِيْمًا  ،  إِنَّ اللهَ وَمَلائِكَتَهُ يَصَلُّوْنَ عَلَى النَّبِيِّ يَاأَيُّهَاالَّذِيْنَ آمَنُوْاصَلُّوْا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوْا تَسْلِيْمًا ،   : ، اَللّهُمَّ اغْفِرْلِلْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ اْلاَحْيَاءِ مِنْهُمْ وَاْلأَمْوَاتِ بِرَحْمَتِكَ يَاأَرْحَمَ الرَّاحِمِيْنَ ، اَللّهُمَّ لاَتَدَعْ لَنَافِي مَقَامِنَا هَذَاذَنْبًا إِلاَّغَفَرْتَهُ  وَلاَدَيْنًا إِلاَّقَضَيْتَهُ وَلاَمَرِيْضًاإِلاَّشَفَيْتَهُ وَلاَهَمًّاإِلاَّفَرَّجْتَهُ وَلاَغَمًّاإِلاَّكَشَفْتَهُ وَلاَعَيْبًاإِلاَّسَتَرْتَهُ وَلاَغَائِباًإِلاَّرَدَدْتَهُ  وَلاَعَدُوًّاإِلاخَذَلْتَهُ وَلاَضَالاًّإِلاَّهَدَيْتَهُ  وَلاَحَاجَةً مِنْ حَوَائِجِ الدُّنْيَاوَاْلآخِرَةِ لَكَ فِيْهاَ رِضًا وَلَنَافِيْهَاصَلاَحٌ إِلاَّمَاأَعَنْتَنَاعَلَى قَضَائِهَايَامَوْلاَنَايَارَبَّ الْعَالَمِيْنَ   رَبَّنَاتَقَبَّلْ مِنَّادُعَاءَنَاإِنَّكَ أَنْتَ السَّمِيْعُ الْعَلِيْمُ وَتُبْ عَلَيْنَاإِنَّكَ أَنْتَ التَّوَّابُ الرَّحِيْمُ  مَوْلاَنَادَعْوَاهُمْ فِيْهاَسُبْحنَكَ اللّهُمَّ وَتَحِيَّتُهُمْ فِيْهَاسَلاَمٌ وَآخِرُدَعْوَاهُمْ اَنِ الْحَمْدُلِلهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ  .