จงขอบคุณต่ออัลลอฮ์
โดย อ.อาลี กองเป็ง
اَلْحَمُدِلله ِالَّذِيْ خَلَقَكُمْ مِنْ
نَفْسٍ وَاحِدَةٍ . وَصَوَّرَكُمْ فَاَحْسَنَ صُوَرَكُمْ وَرَزَقَكُمْ مِنَ الطَّيِّبَاتِ
لَعَلَّكُمْ تَشْكُرُوْنَ . وَاَشْهَدُاَنْ لاَاِلَهَ اِلاَّالله ُخَلَقَكُمْ مِنْ
تُرَابٍ ثُمَّ اِذَااَنْتُمْ بَشَرٌتَنْتَشِرُوْنَ . وَاَشْهَدُاَنَّ مُحَمَّدًاعَبْدُهُ
وَرَسُوْلُهُ مَنِ اقْتَدَى بِهَدْيِهِ نَالَ الْحَظَّ الْمَصُوْنَ . اَللَّهُمَّ
صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ وَالتَّابِعِيْنَ لَهُمْ
ِبِاحْسَانٍ اِلَى يَوْمِ الدِّيْنِ . اَمَّابَعْدُفَيَاعِبَادَالله اُوْصِيْكُمْ
وَنَفْسِيْ اَوَّلاً بِتَقْوَى الله ِتَعَالَى وَطَاعَتِهِ . فَقَدْقَالَ الله ُتَعَالَى
فِي الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ :
{وَاِذْ
تَاَذَّنَ رَبُّكُمْ لَئِنْ شَكَرْتُمْ َلأَزِيْدَنَّكُمْ وَلَئِنْ كَفَرْتُمْ اِنَّ
عَذَابِيْ لَشَدِيْدٌ} .
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
ความเป็นมนุษย์นั้นมีความประเสริฐ
โดยมีปัญญาและใฝ่หาความรู้
ซึ่งนับว่าเป็นเนี๊ยะมัตและความเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮ์ทรงประทานแก่มนุษย์
พิเศษเหนือกว่า( مَخْلُوْقٌ ) สิ่งถูกสร้างอื่น ๆ ทั้งหลาย
ขณะที่เราซึ่งเป็นมนุษย์และเป็นบ่าวที่มุสลิมได้รำลึก
และรู้สึกถึงเนี๊ยะมัตความโปรดปรานที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แล้ว
จะมีสักกี่คนของพวกเราที่จะขอบคุณต่อพระองค์บ้าง
ท่านอัลญุนัยดฺ
บุตรมุฮัมหมัด อัลบัฆดาดีย์ เล่าว่า
ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังสนุกกับการเล่นอยู่เบื้องหน้าท่านอัศรีย์ ซึ่งขณะนั้นข้าพเจ้ามีอายุเพียง 7 ขวบ
เหล่าผู้คนทั้งหลายพูดคุยกัน ในเรื่องเกี่ยวกับการขอบคุณ( شُكْرٌ )
เขาจึงหันมาถามข้าพเจ้าว่า โอ้เด็กน้อย เจ้าทราบหรือไม่ว่า
อะไรคือการขอบคุณ
ข้าพเจ้าตอบว่า
ก็คือการไม่เนรคุณต่อความเมตตาทั้งหลายของอัลลอฮ์ เขากล่าวอีกว่า เก่งมาก
ฉันเกรงว่าความโชคดีที่เจ้าได้รับจากอัลลอฮ์นั้นก็คือลิ้นของเจ้านี้แหละ
ท่านญุนัยดฺ
เล่าต่ออีกว่า
คำพูดของท่านอัศรีย์นั้นยังทำให้ข้าพเจ้าครุ่นคิดและร้องไห้อยู่เรื่อยมา
ซึ่งการขอบคุณต่ออัลลอฮ์ มิใช่เพียงแต่เราไม่ทรยศต่อความเมตตาของอัลลอฮ์เท่านั้น
และการขอบคุณนั้น ก็คือการทำความดีทั้งวายิบและสุนัต มิใช่เพียงแต่พูดอย่างเดียว
ดังอัลลอฮ์ตรัสว่า
اِعْمَلُوْاآلَ دَاوُدَشُكْرًاوَقَلِيْلٌ
مِنْ عِبَادِيَ الشَّكُوْرُ . سبا 13
ความว่า พวกเจ้าจงทำงานเถิดวงศ์วานของดาวุดเอ๋ย
ด้วยการขอบคุณและส่วนน้อยแห่งปวงบ่าวของเราที่เป็นผู้ขอบคุณ
ท่านร่อซู้ล(ซ.ล.) เป็นผู้ที่ มะอ์ซูม( مَعْصُوْم )
คือท่านเป็นผู้ที่อัลลอฮ์ทรงรักษาในมณฑิล
ต่าง
ๆ มิได้แผ้วพานแก่ท่านเลย ไม่ว่าจะเป็นบาปเล็กหรือบาปใหญ่
ที่ในอนาคตหรืออดีตท่านยังคงขอบคุณต่ออัลลอฮ์อย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งมีรายงานจากท่าน
มุฆีเราะห์ บุตรชั๊วะบะห์ กล่าวว่า
ท่านร่อซู้ล(ซ.ล.) จะตื่นละหมาดจนกระทั่ง
สองเท้าหรือสองหน้าแข้งของท่านบวมหรือระบม
จึงมีผู้กล่าวเชิงสงสัยในฐานะท่านเป็นผู้มะซูม ท่านร่อซู้ล(ซ.ล.) จึงกล่าวตอบว่า
اَفَلاَاَكُوْنُ عَبْدًاشَكُوْرًا . رواه الجماعة الااباداود
ความว่า ฉันจะไม่เป็นบ่าวที่ขอบคุณต่ออัลลอฮ์กระนั้นหรือ
ดังนั้นผู้ขอบคุณอัลลอฮ์
เขาจึงประกอบแต่ความดีไม่ว่าความดีนั้นจะเป็นวายิบ หรือสุนัต
ซึ่งออกมาจากการเปล่งวาจา หรือการกระทำ โดยมีจิตสำนึกในห้วงลึกของหัวใจว่า
ฉันทำเพราะฉันปรารถนา
ฉันทำเพราะความรัก
ฉันทำเพราะขอบคุณในเนี๊ยะมัตความเมตตาของพระองค์อัลลอฮ์
และเฉพาะพระองค์นั้นที่ฉันสักการะ
และขอความช่วยเหลือ โดยใจเขานั้นตรงกับวาจาที่เปล่งออกมา ขณะในละหมาดว่า
اِيَّاكَ نَعْبُدُ وَاِيَّاكَ نَسْتَعِيْنُ . الفاتحة 5
ความว่า เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกเรากราบสักการะ
และเฉพาะพระองค์ท่านที่พวกเราขอความช่วยเหลือ
มันคือความสุขที่บ่าวผู้หนึ่งมีจิตสำนึกดังกล่าว
อัลลอฮ์ตรัสว่า
وَاِذْ تَاَذَّنَ رَبُّكُمْ لَئِنْ شَكَرْتُمْ َلأَزِيْدَنَّكُمْ وَلَئِنْ
كَفَرْتُمْ اِنَّ عَذَابِيْ لَشَدِيْدٌ . ابراهيم 7
ความว่า และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าได้ประกาศว่า หากพวกเจ้าขอบคุณ ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า
และหากพวกเจ้าเนรคุณแท้จริงการลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง
اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا
وَاَسْتَغْفِرُ اللهَ اْلعَظِيْمَ ِليْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ
وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ اْلغَفُوْرُالرَّحِيْمُ