ความตายและอายุขัยของประชากรยุคสุดท้าย
โดย อ.อาลี กองเป็ง
اَلْحَمْدُ للهِ الَّذِيْ وَعَدَ مَنْ اَطَاعَهُ
بِدَارِ السَّلاَمِ . وَقَبِلَ مَنْ عَصَاهُ اِذَاتَابَ عَنِ ارْتِكاَبِ
اْلآثَامِ . وَاسْتَجَابَ لِمَنْ دَعَاهُ وَقَدْتَوَكَّلَ عَلَيْهِ
فِيْ اِنْجَازِالْمَرَامِ . لاَاِلَهَ اِلاَّهُوَوَعَلَى اللهِ فَلْيَتَوَكَّلِ
الْمُؤْمِنُوْنَ . وَاَشْهَدُاَنْ لاَاِلَهَ اِلاَّاللهُ الْمُنْعِمُ
عَلَى الْعِبَادِ . وَاَشْهَدُاَنَّ مُحَمَّدًارَسُوْلُ اللهِ الدَّاعِيْ
اِلَى سَبِيْلِ الرَّشَادِ . اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى
آلِهِ وَصَحْبِهِ اْلأَمْجَادِصَلاَةً وَسَلاَمًادَائِمَيْنِ مُتَلاَزِمَيْنِ اِلَى
يَوْمِ يُبْعَثُوْنَ . اَمَّابَعْدُفَيَاعِبَادَاللهِ . اُوْصِيْكُمْ
وَنَفْسِيْ اَوَّلاًبِتَقْوَى اللهِ تَعَالَى وَطَاعَتِهِ . فَقَدْقَالَ
اللهُ تَعَالَى فِي الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ
: اَيْنَمَاتَكُوْنُوْايُدْرِكْكُمُ
الْمَوْتُ وَلَوْكُنْتُمْ فِيْ بُرُوْجٍ مُشَيَّدَةٍ وَاِنْ تُصِبْهُمْ حَسَنَةٌ يَقُوْلُوْاهَذِهِ
مِنْ عِنْدِاللهِ وَاِنْ تُصِبْهُمْ سَيِّئَةٌ يَقُوْلُوْاهَذِهِ مِنْ عِنْدِكَ قُلْ
كُلٌّ مِنْ عِنْدِ اللهِ فَمَالِ هَؤُلاَءِ الْقَوْمُ لاَيَكَادُوْنَ يَفْقَهُوْنَ
حَدِيْثًا .
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
มุสลิมที่เปี่ยมล้นด้วยอีหม่าน
เขาจะไม่มีควา มหวาดหวั่น
และหวาดกลัวต่อกำหนดความตายที่เขาทราบดีว่า มนุษย์ทุกคนต้องกลับไปสู่อัลเลาะห์(ซ.บ.) แต่ความเป็นมุมินคือความปรารถนาที่จะกลับสู่ความเมตตาของพระองค์
และไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในโลกดุนยาอย่างถูกโกรธกริ้วและกลับไปสู่ความพิโรธของอัลเลาะห์
(ซ.บ.)
อัลเลาะห์(ซ.บ.)ทรงตรัสว่า
{ اَيْنَمَاتَكُوْنُوْايُدْرِكْكُمُ الْمَوْتُ وَلَوْكُنْتُمْ فِيْ بُرُوْجٍ مُشَيَّدَةٍ
...} ..الآية النساء 78
ความว่า
“ ณ
ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่
ความตายก็ย่อมมาถึงพวกเจ้า
และถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะอยู่ในป้อมปราการอันสูงตระง่านก็ตาม”
อัลเลาะห์(ซ.บ.)ตรัสว่า
{وَمَاتَدْرِيْ
نَفْسٌ مَاذَاتَكْسِبُ غَدًا وَمَاتَدْرِيْ نَفْسٌ بِاَيِّ اَرْضٍ تَمُوْتُ اِنَّ
اللهَ عَلِيْمٌ خَبِيْرٌ} . لقمان 34
ความว่า “ และไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ขวนขวายให้ได้มาในวันรุ่งขึ้น และไม่มีชีวิตใดรู้ว่า ณ แผ่นดินใดที่จะตายแท้จริงอัลเลาะห์(ซ.บ.) นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้และละเอียดถี่ถ้วน”
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
ไม่มีบ่าวผู้ใดทราบว่าเขาจะตายเมื่อไหร่ และเขาจะตายที่ไหน ความตายจะชวนใครไปด้วยก็หาไม่ได้
ไม่มีใครจะตามไปตายด้วย สิ่งที่จะตามบ่าวของอัลเลาะห์(ซ.บ.)ไปก็คืออาม้าลที่ซอและห์
มีรายงานเล่าว่า
มีข้าหลวงคนสนิทของนบีดาวุด(อ.ล.) ได้มีอายุยืนยาว หลังจากนบีดาวุด(อ.ล.)ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลเลาะห์(ซ.บ.)แล้ว
ข้าหลวงผู้นี้จึงกลายสภาพเป็นข้าหลวงของท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.)
บุตรของนบีดาวุด(อ.ล) ในวันหนึ่งท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.) นั่ง ณ สถานที่พำนักของท่านในช่วงสาย ข้าหลวงก็นั่งร่วมอยู่ด้วย ขณะนั้นเองได้มีชายผู้หนึ่งเข้าพบพร้อมให้สล่าม
และร่วมนั่งสนทนากับนบีสุลัยมาน(อ.ล.) และสายตาของชายผู้นั้นได้มองไปยังข้าหลวง
ทำให้ข้าหลวงหวาดกลัวด้วยสายตาอันน่าเกรงขาม
เมื่อชายผู้นั้นออกไป ข้าหลวงกล่าวถามท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล)ว่า
"يَانَبِيَّ
اللهِ مَنْ هَذَاالرَّجُلُ الَّذِيْ خَرَجَ عِنْدَكَ قَدْوَاللهِ اَفْزَعَنِيْ مَنْظَرُهُ"
“โอ้ท่านนบีแห่งอัลเลาะห์
ชายที่ออกไปสักครู่คือใคร ขอสาบานต่ออัลเลาะห์(ซ.บ.)ว่า ความจริงการมองของเขามายังข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าหวาดกลัวเหลือเกิน”
ท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.) ตอบว่า
هَذَامَلَكُ الْمَوْتِ يَتَصَوَّرُبِصُوْرَةِ
الرَّجُلِ وَيَدْخُلُ عَلَيَّ
“ ชายผู้นั้นคือ
มะละกุ้ลเมาต์ จำแลงร่างมาเพื่อเข้าพบข้าพเจ้า”
ข้าหลวงเมื่อทราบดังนั้นด้วยความหวาดกลัวถึงกับร้องไห้
จึงกล่าวขอร้องให้ท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.) ใช้ลมแบกหามเขาให้ไปยังสถานที่ไกลที่สุด
สถานที่นั้นคืออินเดีย ท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.)ได้ทำตามคำขอร้อง
ต่อมาในวันรุ่งขึ้น มะละกุ้ลเมาต์ ก็มาพบท่านนบีสุลัยมานพร้อมให้สล่าม ท่านนบีสุลัยมานถามว่าโอ้
มะละกุ้ลเมาต์
ท่านทำให้ข้าหลวงของข้าหวาดกลัวโดยการเชือดเขาด้วยสายตา
เมื่อวานนี้เพราะเหตุใด
มะละกุ้ลเมาต์ตอบว่า โอ้นบีแห่งอัลเลาะห์
แท้จริงข้าพเจ้าได้เข้าพบท่านในช่วงสายของเมื่อวาน และความจริงอัลเลาะห์(ซ.บ.) ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าชักวิญญาณ
ของข้าหลวงท่าน หลังบ่ายที่อินเดีย ข้าพเจ้ายังแปลกใจอยู่เลย นบีสุลัยมาน(อ.ล) กล่าวว่า ดังนั้นท่านทำอะไรต่อไป
มะละกุ้ลเมาต์ตอบว่า ข้าพเจ้าได้ไปยังสถานที่ซึ่งอัลเลาะห์(ซ.บ.) ทรงใช้ให้ไปชักวิญญาณข้าหลวงของท่าน
ข้าพเจ้าก็พบว่าเขารอข้าพเจ้าอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจึงชักวิญญาณเขา
อัลเลาะห์(ซ.บ.)ตรัสว่า
{قُلْ
اِنَّ الْمَوْتَ الَّذِيْ تَفِرُّوْنَ مِنْهُ فَاِنَّهُ مُلاَقِيْكُمْ ثُمَّ تُرَدُّوْنَ
اِلَى عَالِمِ الْغَيْبِ وَالشَّهَادَةِ فَيُنَبِّئُكُمْ بِمَاكُنْتُمْ تَعْمَلُوْنَ} . الجمعة
8
ความว่า
“จงกล่าวเถิด (มูฮำหมัด) แท้จริงความตาย ซึ่งพวกท่านหลีกหนีจากมันไปนั้น
แท้จริงมันจะมาพบกับพวกท่าน
แล้วพวกท่านก็จะถูกนำกลับคืนไปสู่พระองค์ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย
ดังนั้นพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านตามที่พวกท่านได้ประกอบกรรมไว้ในโลกดุนยา”
ท่านพี่น้องที่รัก ชีวิตอุมมะห์ของท่านนบีองค์สุดท้าย
น้อยนักที่จะมีอายุขัยเกิน 70 ปี
ดังมีรายงานจาก
อบูฮูรอยเราะห์ว่า
اَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ
وَسَلَّمَ قَالَ : اَعْمَارُاُمَّتِيْ مَابَيْنَ
السِّتِّيْنَ اِلَى السَّبْعِيْنَ وَاَقَلُّهُمْ مَنْ يُجَوِّزُذَلِكَ . رواه الترمذي
ความว่า “ แท้จริงท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
ชีวิตอุมมะห์ของข้าพเจ้าอยู่ระหว่าง 60 ปี ถึง 70 ปี
และน้อยคนนักที่จะมีอายุเกินกว่าดังกล่าว”
บ่าวมุสลิมจึงต้องขะมักเขม้นในการเสริมสร้างอีหม่าน และต้องสลัดออกซึ่งความชั่ว
เขาผู้นั้นจะได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลเลาะห์(ซ.บ.)ในสภาพของบ่าวที่ได้รับการพักผ่อนอันยาวนาน
เหล่าซอฮาบะห์ ถามท่านนบีว่า
"مَا
الْمُسْتَرِيْحُ"
ความว่า “ใครคือผู้ที่ตายแล้วได้รับการผ่อนคลาย”
ท่านนบี(ซ.ล.)ตอบว่า
اَلْعَبْدُ الْمُؤْمِنُ يَسْتَرِيْحُ
مِنْ نَصَبِ الدُّنْيَا ..... الحديث متفق
عليه
ความว่า “คือบ่าวที่เป็นมุมินเขาจะได้ผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยของโลกดุนยา”
اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُ
اللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ
اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ
الرَّحِيْم