วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

คุตบะห์วันศุกร์


ความตายและอายุขัยของประชากรยุคสุดท้าย
                                                                                             โดย  อ.อาลี      กองเป็ง

   اَلْحَمْدُ للهِ الَّذِيْ وَعَدَ مَنْ اَطَاعَهُ بِدَارِ السَّلاَمِ  .  وَقَبِلَ مَنْ عَصَاهُ اِذَاتَابَ عَنِ ارْتِكاَبِ اْلآثَامِ  .  وَاسْتَجَابَ لِمَنْ دَعَاهُ وَقَدْتَوَكَّلَ عَلَيْهِ فِيْ اِنْجَازِالْمَرَامِ  .  لاَاِلَهَ اِلاَّهُوَوَعَلَى اللهِ فَلْيَتَوَكَّلِ الْمُؤْمِنُوْنَ  .  وَاَشْهَدُاَنْ لاَاِلَهَ اِلاَّاللهُ الْمُنْعِمُ عَلَى الْعِبَادِ  .  وَاَشْهَدُاَنَّ مُحَمَّدًارَسُوْلُ اللهِ الدَّاعِيْ اِلَى سَبِيْلِ الرَّشَادِ  .  اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ اْلأَمْجَادِصَلاَةً وَسَلاَمًادَائِمَيْنِ مُتَلاَزِمَيْنِ اِلَى يَوْمِ يُبْعَثُوْنَ  .  اَمَّابَعْدُفَيَاعِبَادَاللهِ  .  اُوْصِيْكُمْ وَنَفْسِيْ اَوَّلاًبِتَقْوَى اللهِ تَعَالَى وَطَاعَتِهِ  .  فَقَدْقَالَ اللهُ تَعَالَى فِي الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ  :  اَيْنَمَاتَكُوْنُوْايُدْرِكْكُمُ الْمَوْتُ وَلَوْكُنْتُمْ فِيْ بُرُوْجٍ مُشَيَّدَةٍ وَاِنْ تُصِبْهُمْ حَسَنَةٌ يَقُوْلُوْاهَذِهِ مِنْ عِنْدِاللهِ وَاِنْ تُصِبْهُمْ سَيِّئَةٌ يَقُوْلُوْاهَذِهِ مِنْ عِنْدِكَ قُلْ كُلٌّ مِنْ عِنْدِ اللهِ فَمَالِ هَؤُلاَءِ الْقَوْمُ لاَيَكَادُوْنَ يَفْقَهُوْنَ حَدِيْثًا  .
       ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก

       มุสลิมที่เปี่ยมล้นด้วยอีหม่าน เขาจะไม่มีควา มหวาดหวั่น  และหวาดกลัวต่อกำหนดความตายที่เขาทราบดีว่า มนุษย์ทุกคนต้องกลับไปสู่อัลเลาะห์(ซ.บ.)  แต่ความเป็นมุมินคือความปรารถนาที่จะกลับสู่ความเมตตาของพระองค์ และไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในโลกดุนยาอย่างถูกโกรธกริ้วและกลับไปสู่ความพิโรธของอัลเลาะห์ (ซ.บ.)    
      อัลเลาะห์(ซ.บ.)ทรงตรัสว่า

 { اَيْنَمَاتَكُوْنُوْايُدْرِكْكُمُ الْمَوْتُ وَلَوْكُنْتُمْ فِيْ بُرُوْجٍ مُشَيَّدَةٍ ...} ..الآية   النساء   78
ความว่า   “ ณ   ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่  ความตายก็ย่อมมาถึงพวกเจ้า  และถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะอยู่ในป้อมปราการอันสูงตระง่านก็ตาม
                            อัลเลาะห์(ซ.บ.)ตรัสว่า

{وَمَاتَدْرِيْ نَفْسٌ مَاذَاتَكْسِبُ غَدًا وَمَاتَدْرِيْ نَفْسٌ بِاَيِّ اَرْضٍ تَمُوْتُ اِنَّ اللهَ عَلِيْمٌ خَبِيْرٌ}  .  لقمان  34
          ความว่า  “  และไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ขวนขวายให้ได้มาในวันรุ่งขึ้น  และไม่มีชีวิตใดรู้ว่า ณ แผ่นดินใดที่จะตายแท้จริงอัลเลาะห์(ซ.บ.)  นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้และละเอียดถี่ถ้วน”

                                ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
                ไม่มีบ่าวผู้ใดทราบว่าเขาจะตายเมื่อไหร่ และเขาจะตายที่ไหน  ความตายจะชวนใครไปด้วยก็หาไม่ได้ ไม่มีใครจะตามไปตายด้วย สิ่งที่จะตามบ่าวของอัลเลาะห์(ซ.บ.)ไปก็คืออาม้าลที่ซอและห์
                 มีรายงานเล่าว่า มีข้าหลวงคนสนิทของนบีดาวุด(อ.ล.) ได้มีอายุยืนยาว หลังจากนบีดาวุด(อ.ล.)ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลเลาะห์(ซ.บ.)แล้ว    ข้าหลวงผู้นี้จึงกลายสภาพเป็นข้าหลวงของท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.) บุตรของนบีดาวุด(อ.ล)    ในวันหนึ่งท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.)  นั่ง ณ สถานที่พำนักของท่านในช่วงสาย  ข้าหลวงก็นั่งร่วมอยู่ด้วย  ขณะนั้นเองได้มีชายผู้หนึ่งเข้าพบพร้อมให้สล่าม และร่วมนั่งสนทนากับนบีสุลัยมาน(อ.ล.) และสายตาของชายผู้นั้นได้มองไปยังข้าหลวง ทำให้ข้าหลวงหวาดกลัวด้วยสายตาอันน่าเกรงขาม   เมื่อชายผู้นั้นออกไป ข้าหลวงกล่าวถามท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล)ว่า

"يَانَبِيَّ اللهِ مَنْ هَذَاالرَّجُلُ الَّذِيْ خَرَجَ عِنْدَكَ قَدْوَاللهِ اَفْزَعَنِيْ مَنْظَرُهُ"
          “โอ้ท่านนบีแห่งอัลเลาะห์ ชายที่ออกไปสักครู่คือใคร ขอสาบานต่ออัลเลาะห์(ซ.บ.)ว่า ความจริงการมองของเขามายังข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าหวาดกลัวเหลือเกิน”
          ท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.)  ตอบว่า
هَذَامَلَكُ الْمَوْتِ يَتَصَوَّرُبِصُوْرَةِ الرَّجُلِ وَيَدْخُلُ عَلَيَّ

ชายผู้นั้นคือ มะละกุ้ลเมาต์ จำแลงร่างมาเพื่อเข้าพบข้าพเจ้า”
  ข้าหลวงเมื่อทราบดังนั้นด้วยความหวาดกลัวถึงกับร้องไห้ จึงกล่าวขอร้องให้ท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.) ใช้ลมแบกหามเขาให้ไปยังสถานที่ไกลที่สุด สถานที่นั้นคืออินเดีย ท่านนบีสุลัยมาน(อ.ล.)ได้ทำตามคำขอร้อง
          ต่อมาในวันรุ่งขึ้น มะละกุ้ลเมาต์   ก็มาพบท่านนบีสุลัยมานพร้อมให้สล่าม  ท่านนบีสุลัยมานถามว่าโอ้
มะละกุ้ลเมาต์ ท่านทำให้ข้าหลวงของข้าหวาดกลัวโดยการเชือดเขาด้วยสายตา เมื่อวานนี้เพราะเหตุใด  มะละกุ้ลเมาต์ตอบว่า โอ้นบีแห่งอัลเลาะห์ แท้จริงข้าพเจ้าได้เข้าพบท่านในช่วงสายของเมื่อวาน และความจริงอัลเลาะห์(ซ.บ.) ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าชักวิญญาณ ของข้าหลวงท่าน หลังบ่ายที่อินเดีย ข้าพเจ้ายังแปลกใจอยู่เลย นบีสุลัยมาน(อ.ล)  กล่าวว่า ดังนั้นท่านทำอะไรต่อไป มะละกุ้ลเมาต์ตอบว่า ข้าพเจ้าได้ไปยังสถานที่ซึ่งอัลเลาะห์(ซ.บ.) ทรงใช้ให้ไปชักวิญญาณข้าหลวงของท่าน ข้าพเจ้าก็พบว่าเขารอข้าพเจ้าอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจึงชักวิญญาณเขา
          อัลเลาะห์(ซ.บ.)ตรัสว่า
{قُلْ اِنَّ الْمَوْتَ الَّذِيْ تَفِرُّوْنَ مِنْهُ فَاِنَّهُ مُلاَقِيْكُمْ ثُمَّ تُرَدُّوْنَ اِلَى عَالِمِ الْغَيْبِ وَالشَّهَادَةِ فَيُنَبِّئُكُمْ بِمَاكُنْتُمْ تَعْمَلُوْنَ}  .  الجمعة   8

          ความว่า  “จงกล่าวเถิด (มูฮำหมัด) แท้จริงความตาย ซึ่งพวกท่านหลีกหนีจากมันไปนั้น แท้จริงมันจะมาพบกับพวกท่าน แล้วพวกท่านก็จะถูกนำกลับคืนไปสู่พระองค์ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย ดังนั้นพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านตามที่พวกท่านได้ประกอบกรรมไว้ในโลกดุนยา”
          ท่านพี่น้องที่รัก  ชีวิตอุมมะห์ของท่านนบีองค์สุดท้าย น้อยนักที่จะมีอายุขัยเกิน 70 ปี
ดังมีรายงานจาก อบูฮูรอยเราะห์ว่า

اَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ :  اَعْمَارُاُمَّتِيْ مَابَيْنَ السِّتِّيْنَ اِلَى السَّبْعِيْنَ وَاَقَلُّهُمْ مَنْ يُجَوِّزُذَلِكَ  .  رواه الترمذي
           ความว่า     “ แท้จริงท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า ชีวิตอุมมะห์ของข้าพเจ้าอยู่ระหว่าง 60 ปี ถึง 70 ปี และน้อยคนนักที่จะมีอายุเกินกว่าดังกล่าว”
           บ่าวมุสลิมจึงต้องขะมักเขม้นในการเสริมสร้างอีหม่าน  และต้องสลัดออกซึ่งความชั่ว เขาผู้นั้นจะได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลเลาะห์(ซ.บ.)ในสภาพของบ่าวที่ได้รับการพักผ่อนอันยาวนาน

เหล่าซอฮาบะห์ ถามท่านนบีว่า
"مَا الْمُسْتَرِيْحُ"

ความว่า “ใครคือผู้ที่ตายแล้วได้รับการผ่อนคลาย”

ท่านนบี(ซ.ล.)ตอบว่า 
اَلْعَبْدُ الْمُؤْمِنُ يَسْتَرِيْحُ مِنْ نَصَبِ الدُّنْيَا ..... الحديث   متفق عليه
ความว่า  “คือบ่าวที่เป็นมุมินเขาจะได้ผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยของโลกดุนยา”

اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُ اللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ 
الرَّحِيْم    
หน้าแรก        หน้าคุตบะห์