วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

คุตบะห์วันศุกร์

ส่วนหนึ่งจากระเบียบอันเป็นมารยาทที่ดี   ของมุสลิมต่อชนต่างศาสนิก    
โดย  อ. อาลี  กองเป็ง


اَلْحَمْدُ للهِ الَّذِيْ لَيْسَ بِعَظِيْمٍ عِنْدَهُ اِلاَّمَنِ امْتَثَلَ نَوَاهِيَهُ وَاْلاَوَامِرَ . وَاَشْهَدُاَنْ لاَاِلَهَ اِلاَّالله وَحْدَهُ لاَشَرِيْكَ لَهُ يَنْظُرُاِلَى قُلُوْبِ اْلأَشْخَاصِ لاَاِلَى الظَّوَاهِرِ  . وَاَشْهَدُاَنْ سَيِّدَنَامُحَمَّدًاعَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ سَيِّدُ اْلأَوَائِلِ وَاْلأَوَاخِرِ .  اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى مُحَمَّدٍوَعَلَى آلِهِ وَاَصْحَابِهِ وَالتَّابِعِيْنَ لَهُمْ بِاِحْسَانٍ اِلَى يَوْمِ الدِّيْنِ .  اَمَّابَعْدُ فَيَاعِبَادَاللهِ .  اُوْصِيْكُمْ وَنَفْسِيْ اَوَّلاً بِتَقْوَى اللهِ تَعَالَى وَطَاعَتِهِ .  فَقَدْقَالَ الله ُتَعَالَى فِي اْلقُرْآنِ الْكَرِيْمِ :   اِنَّاخَلَقْنَاكُمْ مِنْ ذَكَرٍوَاُنْثَى وَجَعَلْنَاكُمْ شُعُوْبًاوَقَبَائِلَ لِتَعَارَفُوْااِنَّ اَكْرَمَكُمْ عِنْدَاللهِ اَتْقَاكُمْ اِنَّ الله َعَلِيْمٌ خَبِيْرٌ

                                                                
         มุสลิม คือผู้มอบความสันติแก่พี่น้องมุสลิมด้วยกันโดยเฉพาะ และให้สร้างความสุขสันติแก่
      บ่าวของอัลลอฮ์ โดยไม่แยกระหว่างมนุษย์และสัตว์ และไม่จำกัดสิทธิความเชื่อทางศาสนา ให้มุสลิมยึดมั่นในหลักการ โดยยึดถือทางศาสนาอย่างเคร่งครัด และไม่ละเมิดต่อศาสนาอื่น จนก่อให้เกิดการระส่ำระสาย และขาดความช่วยเหลือเกื้อกูลทางด้านสังคม
อัลลอฮ์ตรัสว่า                  
 {لَكُمْ دِينُكُمْ وَلِيَ دِينِ}  الكافرون :6 

         ความว่า  สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน
และอัลลอฮ์ตรัสว่า
{وَلاَتَسُبُّواالَّذِيْنَ يَدْعُوْنَ مِنْ دُوْنِ اللهِ فَيَسُبُّوااللهَ عَدْوًابِغَيْرَعِلْمٍ ....} .....الآية   الانعام    108                 ความว่า  และพวกเจ้าจงอย่าด่าว่า บรรดาที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์ แล้วพวกเขาก็จะด่าว่าอัลลอฮ์เป็นการละเมิดโดยปราศจากความรู้
         ในนัยยะของสองอายะห์นี้ จึงเป็นบทนำให้มนุษย์ที่เป็นบ่าวของอัลลอฮ์ได้แสดงออกมาทางด้านสังคม ต่อชนต่างศาสนิก หรือพี่น้องร่วมโลกดังต่อไปนี้
         1.  แสดงความซื่อตรงโดยทำตัวเป็นกลางใจเป็นธรรม และแสดงออกซึ่งการมีคุณธรรมแก่พี่น้องร่วมชาติ มาดแม้นพวกเขาไม่อยู่ในข่ายของกลุ่มชนที่ทำลายล้างโดยการสู้รบ
อัลลอฮ์ตรัสว่า
{لَا يَنْهَاكُمُ اللَّهُ عَنِ الَّذِينَ لَمْ يُقَاتِلُوكُمْ فِي الدِّينِ وَلَمْ يُخْرِجُوكُم مِّن دِيَارِكُمْ أَن تَبَرُّوهُمْ وَتُقْسِطُوا إِلَيْهِمْ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُقْسِطِينَ}  .  الممتحنة  8

         ความว่า  อัลลอฮ์มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักผู้มีความยุติธรรม
         2.  แสดงออกซึ่งความเมตตาโดยรวม เช่น เลี้ยงอาหารแก่ผู้หิวโหย ให้น้ำดื่มแก่ผู้มีความกระหาย ทำการรักษาโรคแก่ผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ให้เขาหลุดพ้นจากความเสียหายทางร่างกาย หรือทรัพย์สิน และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนแก่เขา
โดยท่านนบี(ซ.ล.)اِرْحَمْ مَنْ فِي اْلأَرْضِ يَرْحَمْكَ مَنْ فِي السَّمَاءِ ] .  رواه الطبراني في المعجم الكبير    [

         ความว่า  จงให้ความเมตตาต่อผู้มีชีวิตอยู่ในพื้นแผ่นดิน และผู้อยู่ในชั้นฟ้าจะเมตตาท่าน
และท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวอีกว่า
[فِيْ كُلِّ ذِيْ رَطْبَةٍ اَجْرٌ ] .  رواه البخاري وابوداودوابن ماجه
         ความว่า  การทำความดีแก่ทุก ๆ เจ้าของ ตับชื้น  (มีชีวิต) ได้รับผลบุญตอบแทน
         3.  ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนแก่เขาในทรัพย์สิน เลือดเนื้อ หรือเกียรติศยและศักดิ์ศรี ถ้าแม้นเขาไม่เป็นผู้ที่ต้องการสู้รบ
ดังท่านร่อซู้ล(ซ.ล.) กล่าวว่า
[يَقُوْلُ اللهِ تَعَالَى يَاعِبَادِيْ اِنِّيْ حَرَّمْتُ الظُّلْمَ عَلَى نَفْسِيْ وَجَعَلْتُهُ بَيْنَكُمْ مُحَرَّمًافَلاَتَظَالَمُوْا ] .  رواه الترمذي
         ความว่า  อัลลอฮ์ผู้สูงส่งตรัสว่า โอ้บ่าวของข้า  แท้จริงข้าได้ห้ามการอธรรมเหนือตัวข้า      และข้าก็ให้การอธรรมเป็นของต้องห้ามในหมู่พวกเจ้า   ดังนั้นเจ้าทั้งหลายอย่าอธรรมต่อกัน 
และท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
[مَنْ آذَى ذِمِّيًّافَاَنَاْخَصْمُهُ يَوْمَ اْلقِيَامَةِ ] .  رواه في الأسرارالمرفوعة لعلي القاري
         ความว่า  ผู้ใดสร้างความเดือดร้อนแก่กาเฟรซิมมีย์ ข้าคือผู้ปรปักษ์เขาในวันกิยามะห์
         4.  อนุญาตให้นำมาซึ่งความสุขในสังคม เช่นการให้ของขวัญ หรือของกำนันแก่เขา และรับของขวัญหรือของกำนันจากเขา และบริโภคอาหาร จากอะห์ลุ้ลกิตาบ 
ดังอัลลอฮ์ตรัสว่า
{وَطَعَامُ الَّذِيْنَ اُوْتُواالْكِتَابَ حِلٌّ لَكُمْ وَطَعَامُكُمْ حِلٌّ لَهُمْ } .... الآية  .  المائدة  5
         ความว่า  และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้น(พวกยิวและพวกคริสต์) เป็นที่หะล้าลแก่พวกเจ้าและอาหารของพวกเจ้าก็เป็นอนุมัตแก่พวกเขา
         และมีรายงานที่ถูกต้องจากท่านนบี(ซ.ล.) ว่า แท้จริงท่านได้ถูกเชิญไปทานอาหารของยะฮูดีย์มะดีนะห์ ท่านได้ตอบรับและก็ได้ทานจากอาหารที่พวกเขานำมาเสนอให้ท่าน
         สี่ประการ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้มาจากตัวบทอัลกุรอานและซุนนะห์ของท่านร่อซู้ล(ซ.ล.) เพื่อขจัดความสงสัย หรือข้อข้องใจ ของพี่น้องมุสลิมกับการอยู่ร่วมกับพี่น้องร่วมชาติที่ต่างศาสนา
และเพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน ในการอยู่รวมแบบสังคมในยุคปัจจุบัน และข้อสำคัญดังกล่าวนั้นมากจากศาสดามูฮำหมัด(ซ.ล.)
อัลลอฮ์ตรัสว่า
{لَقَدْكَانَ لَكُمْ فِيْ رَسُوْلِ اللهِ اُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِمَنْ كَانَ يَرْجُواالله َوَالْيَوْمَ اْلآخِرَ وَذَكَرَالله َكَثِيْرًا } .  الأحزاب  21
         ความว่า อันแท้ที่จริงในศาสนทูตของอัลลอฮ์    คือแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่มุ่งหวัง(จะพบ)อัลลอฮ์ และวันอาคิเราะห์(วันปรโลก) และรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมากมาย
اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُ اللهَ الْعَظِيْمْ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ