วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

คุตบะห์วันศุกร์

กลิ่นอายของความศรัทธา
โดย อ. อาลี   กองเป็ง


اَلْحَمْدُ ِللهِ الَّذِيْ اَنْزَلَ دِيْنَهُ لِيَعْمَلَ بِهِ عِبَادُهُ فَيَكُوْنُوْا مِنْ اَهْلِ الْفَلاَحِ  .  وَاَشْهَدُاَنْ لاَاِلَهَ اِلاَّ اللهُ الَّذِيْ خَلَقَنَاهُنَالِيَتَمَيَّزَ اْلعَاصُوْنَ مِنْ اَهْلِ الصَّلاَحِ  .  وَاَشْهَدُاَنَّ سَيِّدَنَامُحَمَّدًاعَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ بُعِثَ لِتَهْذِيْبِ اْلأَرْوَاحِ  .  اَلَّلهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى سَيِّدِنَامُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ وَمَنِ اقْتَدَى بِهَدْيِهِ الْمُبِيْن  .  اَمَّابَعْدُفَيَاعِبَادَاللهِ  .  اِتَّقُوااللهَ حَقَّ تُقَاتِهِ وَلاَتَمُوْتُنَّ اِلاَّ وَاَنْتُمْ مُسْلِمُوْنَ  .  فَقَدْقَالَ اللهُ تَعَالَى فِي الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ  :  مَنْ عَمِلَ صَالِحًامِنْ ذَكَرٍاَوْاُنْثَى وَهُوَمُؤْمِنٌ فَلَنُحْيِيَنَّهُ حَيَاةً طَيِّبَةً وَلَنَجْزِيَنَّهُمْ اَجْرَهُمْ بِاَحْسَنِ مَاكَانُوْايَعْمَلُوْنَ  .
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
          มาซีเตาะห์ مَاشِطَةْ  )  ชื่อของหญิงคนหนึ่งที่มีความอีหม่าน เธอดำรงชีวิตกับครอบครัวของเธอภายใต้การปกครองของฟาโรห์ ซึ่งอ้างตัวเป็นพระเจ้า สามีเธอเป็นคนใกล้ชิดของฟาโรห์ (ฟิรเอาน์) แต่เธอเป็นคนรับใช้และผู้ดูแลบุตรสาวของฟาโรห์ อัลเลาะห์ตะอาลา ได้ทรงประทานความแน่นแฟ้นแห่งความศรัทธาเหนือสามีของเธอและตัวของเธอ จนกระทั่งฟาโรห์ทราบว่าสามีเธออีหม่านต่ออัลเลาะห์  จึงได้ฆ่าสามีของเธอ ส่วนตัวเธอก็ยังคงทำหน้าที่เป็นคนรับใช้และหวีผมให้แก่บุตรสาวของฟาโรห์  พร้อมยังเลี้ยงดูลูกของเธออีก 5 คน  เธอได้นำอาหารมาให้ลูกของเธอ เหมือนกับแม่นกที่ให้อาหารลูก ๆ ที่อยู่ในรัง
ในขณะที่เธอหวีผมให้แก่ลูกสาวของฟาโรห์ ในวันหนึ่งบังเอิญหวีหลุดจากมือเธอ เธอก็กล่าวว่า
บิสมิ้ลละห์بِسْمِ اللهِ   )  ด้วยพระนามแห่งอัลเลาะห์ ลูกสาวฟาโรห์จึงกล่าวว่า   บิดาของข้าคือพระเจ้า  มาซีเตาะห์จึงส่งเสียงร้องว่า หาเป็นเช่นนั้นไม่ อัลเลาะห์คือพระเจ้าของข้าพเจ้าและของเธอ  และเป็นพระเจ้าของพ่อของเธอ ลูกสาวฟาโรห์เกิดความไม่พอใจที่มาซีเตาะห์กราบไหว้อื่นจากบิดาของเธอ  เธอจึงนำเรื่องดังกล่าวไปทูลต่อบิดาของเธอ ฟาโรห์เกิดแปลกใจว่ายังมีคนในปราสาทที่กราบไหว้อื่นจากเขากระนั้นหรือ จึงให้ทหารไปนำมาซีเตาะห์มา และฟาโรห์ก็กล่าวแก่เธอว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า  มาซีเตาะห์ตอบว่า พระเจ้าของข้าพเจ้าและของท่านคืออัลเลาะห์ และขู่บังคับให้มาซีเตาะห์ละทิ้งจากศาสนา และนำไปกักขังและลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี แต่ก็ไม่ทำให้เธอละทิ้งจากศาสนาของเธอ ฟาโรห์จึงมีคำสั่งใช้ให้เหล่าทหารน้ำหม้อที่ทำจากทองเหลือง ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำมันตั้งบนกองไฟจนเดือดจัด และนำเธอมายืนอยู่ต่อหน้าหม้อน้ำมันที่เดือดจัดนั้น มาซีเตาะห์
เมื่อเธอแลเห็นการทรมานทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าเธอคือชีวิตเดียวที่ต้องจากไป และก็จะได้พบกับ
อัลเลาะห์(ซ.บ)  ความตายไม่ได้ทำให้เธอขาดอีหม่านเลย แต่กระนั้นฟาโรห์รู้ดีว่าสิ่งที่เธอรักมากที่สุดนั้นคือลูก ๆ ของเธออีก 5 คน ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่เธอต้องเลี้ยงดูอยู่ ความชั่วร้ายของฟาโรห์ทำให้ฟาโรห์ มีความปรารถนาเพิ่มการทารุณ จึงได้ใช้ทหารไปนำลูกทั้ง 5 คน ของเธอมาด้วย น้ำตาของลูกกำพร้าทั้ง 5 คน ไหลรินและไม่ทราบว่าจะถูกลากไปไหน เมื่อลูกกำพร้าทั้ง 5 คน แลเห็นมารดาของพวกเขา จึงเข้ามากอดเธอพร้อมกับสภาพที่น้ำตายังอาบแก้ม มาซีเตาะห์ก้มลงจูบและหอมลูก ๆ ของเธอ พร้อมกับร้องไห้ เธอได้อุ้มลูกคนเล็กที่สุดไว้ในอ้อมอก และให้นมจากทรวงอกของเธอ เมื่อฟาโรห์เห็นสภาพดังกล่าว จึงใช้บรรดาทหารลากลูกของเธอคนโตสุด และโยนไปบนน้ำมันที่เดือด เสียงเด็กร้องหาแม่และขอความช่วยเหลือ บรรดาทหารขอความเมตตาจากฟาโรห์ แต่ก็ไม่ได้รับความปราณีแม้แต่นิดเดียว ลูกของเธอที่เหลืออยู่ก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับตีทหารด้วยกับสองมือเล็ก ๆ สภาพที่ทหารกระชากลูก ๆ ของเธอ และเธอก็ยืนมองแบบอำลา ไม่ได้ผ่านไปเว้นเสียแต่เวลาอันเล็กน้อย ลูกของเธอก็ถูกโยนไปในน้ำมันที่เดือด เธอไม่สามารถขัดขวางได้ นอกเสียจากการร้องไห้ และยืนมอง ส่วนลูกที่เหลืออยู่ของเธอก็เอามืออันเล็กปิดตา จนกระทั่งเนื้อในหม้อน้ำมันที่เดือดละลาย กระดูกที่มี สีขาวลอยขึ้นสู่ผิวน้ำมันที่เดือด ฟาโรห์ได้มองมายังมาซีเตาะห์และบังคับให้เธอปฏิเสธอัลเลาะห์ ความอีหม่านทำให้เธอยืนหยัด  จึงสร้างความโกรธให้แก่ฟาโรห์เป็นทวีคูณ จึงได้ให้ทหารกระชากลูกคนที่สองรองลงมาออกจากอกแม่ ขณะเสียงของลูกเรียกหาแม่และขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งถูกโยนลงไปในหม้อน้ำมันที่เดือด เธอยืนมองด้วยหัวใจที่สลาย กับเนื้อของลูกที่ละลาย กระดูกที่ขาวลอยขึ้นมาปะปนกับกระดูกของลูกชายคนโต มาซีเตาะห์ยังคงยืนหยัดบนศาสนาของเธอ มั่นใจต่อการพบพระเจ้าของเธอ  ฟาโรห์ได้ทำเช่นนี้กับคนที่ 3 และ 4 แต่ก็ไม่ทำให้อีหม่านของมาซีเตาะห์ลดหย่อนไปเลย สายตาของเธอมองไปยังหม้อน้ำมันที่เดือดเนื้อหนังของลูก ๆ ละลาย เสียงร้องไห้สิ้นสุด เธอเพียงแต่ได้กลิ่นของเนื้อและเห็นกระดูกเล็ก ๆ ลอยเหนือน้ำมันที่เดือด เธอคือแม่ที่มองกระดูกของลูก ๆ ความจริงลูก ๆ ของเธอจากเธอไปสู่อีกโลกหนึ่งแล้ว  เธอร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือด เพราะการจากไปของลูก ๆ เธอสิ้นหวังแล้วจากการนำลูกสู่ทรวงอกของเธอ และให้นมลูกจากทรวงอกของเธอ  และเธอหมดหวังแล้วจากการอดหลับอดนอนเมื่อลูก ๆ ของเธอตื่นและสิ้นหวังแล้วที่จะร้องไห้ จากการร้องไห้ของลูก ๆ กี่คืนแล้วที่ลูกนอนบนตักของเธอ เล่น ดึงผมของเธอ เธอหมดหวังแล้วที่จะสวมใส่เสื้อผ้าให้แก่ลูก ๆ และสิ้นหวังจากการปกป้องอันตรายแก่ลูก ๆ  ขณะนั้นลูกเล็กของเธอกำลังดื่มนมจากทรวงอกของเธอ ทหารของฟาโรห์ที่ชั่วร้ายได้กระชากลูกของเธอออกจากทรวงอกเสียงร้องดังขึ้นจากเด็กที่ไร้เดียงสาและเสียงร้องไห้อันเจ็บปวดจากหญิงที่น่าสงสารที่หัวใจแตกสลาย   อัลเลาะห์จึงให้เด็กน้อยพูดได้โดยเด็กน้อยกล่าวแก่ผู้เป็นแม่ไปว่า                          ( يَااُمَّاهْ اِصْبِرِيْ فَاِنَّكِ عَلَى الْحَقِّ   )

          ความว่า    โอ้คุณแม่สุดที่รักเธอจงอดทนเถิดแท้จริงเธออยู่บนสัจธรรม เมื่อสิ้นสุดเสียงของลูกเธอ  เธอก็เพียงแต่เห็นว่าลูกเธอคนเล็กถูกโยนไปในหม้อน้ำมันที่เดือดเหมือนกับพี่น้อง    ทั้ง ๆ ที่ในปากของลูกคนเล็กยังมีน้ำนมของเธออยู่และในมือยังมีเส้นผมจากเส้นผมของเธอและคราบน้ำตาของลูกยังคงติดที่เสื้อผ้าของเธอ    ลูกทั้ง 5 คนของเธอได้จากเธอไปแล้ว  เธอผู้น่าสงสารมองไปยังกระดูกของลูกๆที่ลอยในน้ำมันประดุจดังวิญญาณของเธอที่กำลังจะล่องลอยออกจากเรือนร่าง  เธอไม่สามารถแม้แต่เพียงเช็ดน้ำตาให้ลูกแม้แต่ครั้งเดียว     ขณะเดียวกันเธอสามารถที่จะปกป้องลูกได้โดยการเพียงพูดเป็นประโยคสั้นเพียงประโยดเดียวให้ฟาโรห์ได้ยินว่าเธอปฏิเสธอัลเลาะห์แต่เธอก็ไม่กระทำดังกล่าวเพราะเธอทราบดีว่า  ณ   ที่อัลเลาะห์(ซ.บ.) นั้นคือความดีตอบแทนและคงทนถาวร  เวลาไม่ได้ผ่านไปนานเท่าใดเลย เหล่าทหารของฟาโรห์ได้จู่โจมและลากเธอเหมือนกับหมาบ้า    เมื่อเหล่าทหารได้ลากเธอเพื่อจะโยนเธอไปในหม้อน้ำมันที่เดือด  เธอได้มองไปยังกระดูกของลูก ๆ ของเธอ  เธอก็นึกได้ว่าเธอจะใช้ชีวิตพร้อมกับลูก ๆ ของเธอในโลกหน้าแล้ว  เธอได้เหลียวมองไปยังฟาโรห์  และกล่าวว่าโอ้ฟาโรห์ข้ามีความปรารถนาจากท่าน    ฟาโรห์จึงส่งเสียงร้องอันดังว่า  
เธอต้องการอะไร?   มาซีเตาะห์กล่าวว่า ให้ท่านเอากระดูกของข้าพเจ้าและกระดูกของลูก ๆ ข้าพเจ้ารวมกันและฝังมันในหลุมเดียวกัน เธอปิดสองสายตาของเธอและถูกโยนลงไปในน้ำมันที่เดือด เนื้อหนังของเธอไหม้เกรียม กระดูกสีขาวลอยเหนือปากหม้อ ความยืนหยัดของเธอช่างยิ่งใหญ่เหลือเกินและผลบุญของเธอก็มากมาย
          ท่านนบี(ซ.ล) ได้แลเห็นในคืนอิสรออฺ เสี้ยวหนึ่งจากความผาสุขของมาซีเตาะห์ จึงได้เล่าให้แก่บรรดาซอฮาบะห์ฟังโดยมีบันทึกจากท่านบัยฮะกีย์ว่า
لمَاَّاُسْرِيَ بِيْ مَرَّتْ بِيْ رَائِحَةٌ طَيِّبَةٌ .. فَقُلْتُ : مَاهَذِهِ الرَّائِحَةُ؟ فَقِيْلَ لِيْ : هَذِهِ مَاشِطَةْ بِنْتُ فِرْعَوْنَ وَاَوْلاَدُهَا .... 


          ความว่า  เมื่อข้าพเจ้าได้ถูกนำพา(อิสรออฺและเมี๊ยะรอจ) ได้มีกลิ่นหอมอบอวลผ่านมายังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ถามว่านี่คือกลิ่นอะไรกัน จึงมีคำตอบแก่ข้าพเจ้าว่านี่คือกลิ่นหอมของมาซีเตาะห์และลูก ๆ ของเธอ
          ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
                  ท่านจงเหน็ดเหนื่อยและอดทนในวันนี้ ท่านจะได้พักผ่อนในวันพรุ่งนี้ แท้จริงชาวสวรรค์จะถูกกล่าวแก่พวกเขาในวันกิยามะห์ว่า
سَلاَمٌ عَلَيْكُمْ بِمَا صَبَرْتُمْ فَنِعْمَ عُقْبَى الدَّارِ  .   الرعد   24
ความว่า    ความศานติจงมีแด่พวกท่านเนื่องด้วยพวกท่านได้อดทน   มันชังดีเสียนี้กระไรที่พำนักบั้นปลายนี้
اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ