วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คุตบะห์วันศุกร์

ส่วนหนึ่งจากเหตุการณ์ในเดือนรอยับ
อ.อาลี  กองเป็ง


 اَلْحَمْدُ للهِ اَّلذِيْ تَفَضَّلَ عَلَى عِبَادِهِ بِاَنْوَاعِ الْمَفَاخِرِ   وَفَضَّلَ بَعْضَ الشُّهُوْرِعَلَى بَعْضٍ بِاَنْوَاعِ الْمَزَايَاوَاَجْمَلِ الْمَآثِرِ  وَجَعَلَ مِنْ اَجَلِّهَاوَاَفْضَلِهَاشَهْرَهُ الْحَرَامَ رَجَبَ الَّذِيْ عُرِّجَ فِيْهِ بِسَيِّدِ اْلأَوَائِلِ وَاْلأَوَاخِرِ . وَاَشْهَدُ اَنْ لاَ اِلَهَ اِلاَّاللهُ اْلكَبِيْرُ الْمُتَعَالُ    وَاَشْهَدُاَنَّ مُحَمَّدًارَسُوْلُ اللهِ الْمُتَحَلِّيْ بِاَشْرَفِ الْخِصَالِ    اَللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى مُحَمَّدٍ حَمِيْدِ اْلفِعَالِ    وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ عَدَدَ مَاكَانَ وَمَايَكُوْنُ    اَمَّابَعْدُفَيَااَيُّهَاالنَّاسُ    اُوْصِيْكُمْ وَنَفْسِيْ اَوَّلاًبِتَقْوَى اللهِ تَعَالَى وَطَاعَتِهِ    فَقَدْ قَالَ اللهُ تَعَالَى فِي اْلقُرْآنِ الْكَرِيْمِ  :   {سُبْحَانَ الَّذِيْ اَسْرَى بِعَبْدِهِ لَيْلاً مِنَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ اِلَى الْمَسْجِدِ اْلاَقْصَى الَّذِيْ باَرَكْنَاحَوْلَهُ لِنُرِيَهُ مِنْ آيَاتِنَا اِنَّهُ هُوَ السَّمِيْعُ الْبَصِيْرُ}  .                                                       
 
  ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก

         ขณะที่องค์อัลเลาะฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา    ทรงปรารถนาที่จะให้ฝากฟ้า  ได้รับเกียรติโดยการเยือนของท่านร่อซู้ล ซอลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม     ประดุจดังพื้นโลกดุนยาได้รับเกียรติโดยการที่ท่านร่อซู้ลซอลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม     เป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะฮ์ในพื้นโลกดุนยา  อัลเลาะห์    ทรงได้บัญชาให้ยิบรออี้ลและมีกาอี้ล  มายังท่านนบีมูฮำหมัดในค่ำคืนที่   27 แห่งเดือนร่อยับตามทัศนะที่ให้น้ำหนักของบรรดาปวงปราชญ์       
          ท่านนบีมุฮัมหมัด ได้เดินทางโดยการนำทางของยิบรออี้ลขึ้นสู่หลังของ  บุรอก(الْبُرَاقُ  )  ไปที่เมืองชาม  ( اَلشَّامُ)    ในขณะนั้น
         อัลเลาะห์(ซ.บ.) ทรงตรัสในซูเราะฮ์อั้ลอิสรออ์อายะฮ์ที่หนึ่งว่า
: { سُبْحَانَ الَّذِيْ اَسْرَى بِعَبْدِهِ لَيْلاً مِنَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ اِلَى الْمَسْجِدِ اْلاَقْصَى الَّذِيْ بَارَكْنَاحَوْلَهُ لِنُرِيَهُ مِنْ آيَاتِنَا اِنَّهُ هُوَ السَّمِيْعُ الْبَصِيْرُ } .   الاسراء :  1                                                                    
          ความว่า     มหาบริสุทธิ์   ผู้ทรงนำบ่าวของพระองค์เดินทาง (อิสรออ์)ในยามค่ำคืน  จากมัสยิด อั้ลหะรอม   ไปยังมัสยิดอั้ลอักซอ  ซึ่งบริเวณรอบมันเราได้ให้เกิดความจำเริญ  เพื่อเราจะให้เขาเห็นบางอย่างจากสัญญาณต่างๆ ของเรา    แท้จริงอัลเลาะห์(ซ.บ.) คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น
          ท่านนบีมุฮำหมัด  (ซ.ล.)    เดินทางจากมัสยิดอั้ลหะรอม  ณ นครมักกะห์ถึงมัสยิดอั้ลอักซอ ในเยรูซาเล็ม    ปัจจุบัน  เพียงส่วนหนึ่งของกลางคืนทั้งที่ระยะทางในเวลาการเดินทางถ้าใช้กองคาราวานจะใช้เวลาถึง 40 วัน  การอิสรออ์ของ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ.ล.)  ได้เกิดขึ้นทั้งวิญญาณและเรือนร่างของท่าน   ขณะที่ท่านไม่หลับและมีสติสัมปชัญญะ   มิใช่ความฝันตามความคิดของผู้ขาดอีหม่าน    อัลเลาะห์(ซ.บ) ทรงประทานให้ท่านนบีมุฮำหมัด(ซ.ล.)  เห็นจากเครื่องหมายต่าง ๆ  และรับทราบจากเรื่องราวที่สติปัญญาของมนุษย์ไม่สามารถล่วงรู้ได้    จนกระทั้งท่านนบีมุฮำหมัด (ซ.ล.)    ได้เข้าสู่บัยติ้ลมักดิส ซึ่งเป็นศาสนสถาน ทั้งบรรดานบีและบรรดาร่อซู้ล อะลัยฮิมุสสลามรวมตัวกันเพื่อต้อนรับท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล.)     ท่านนีมูฮำหมัด(ซ.ล.)ได้ทำหน้าที่นำละหมาดโดยเป็นอีหม่ามแก่บรรดานบีและบรรดาร่อซู้ลเหล่านั้น   และบางรายงานกล่าวว่าเขาทั้งหลายต่างให้เกียรติกันโดยการเชื้อเชิญซึ่งกันและกัน ให้ทำหน้าที่อีหม่าม  จนกระทั้งยิบรออิ้ลได้เสนอให้ท่านนนีมูฮำหมัด(ซ.ล.)  นำละหมาด     หลังจากเสร็จสิ้นการละหมาดบรรดาร่อซู้ลได้แสดงการต้อนรับนบีมูฮำหมัด(ซ.ล.)พร้อมสรรเสริญต่ออัลเลาะห์ (ซ.บ.) 
           ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล.)กล่าวว่าทุกท่านได้สรรเสริญต่ออัลเลาะห์  ข้าพเจ้าก็ขอสรรเสริญต่อพระองค์เช่นเดียวกัน     โดยท่านกล่าวว่า   มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลเลาะห์ผู้ซึ่งได้แต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นร่อซู้ลเพื่อแผ่ความเมตตาแก่ชาวโลก  และเป็นผู้แจ้งข่าวดีให้เขาทั้งหลายปฏิบัติ  และแจ้งข่าวร้ายให้เขาทั้งหลายหลีกเลี่ยง    พระองค์ทรงประทานกุรอ่านเหนือข้าพเจ้าในนั้นได้ชี้ชัดทุกสิ่ง พระองค์ทรงดลบรรดาลให้ประชากรของข้าพเจ้า เป็นเลิศแห่งอุมมะห์  เป็นอุมมะห์สายกลางกลุ่มแรกและสุดท้ายแห่งอุมมะห์  พระองค์ทรงเปิดหัวใจข้าพเจ้า  ทรงยกโทษแก่ข้าพเจ้า  ทรงยกการรำลึกของข้าพเจ้า     ท่านนบีอิบรอฮีม (อ.ล.)  จึงกล่าวว่านี่แหละคือความประเสริฐของท่าน โอ้มูฮำหมัด
             หลังจากนั้นท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ.ล.)  ได้ ( เมี๊ยะรอจ )  ขึ้นสู่ฝากฟ้าชั้นที่หนึ่งจนถึงฝากฟ้าชั้นที่เจ็ด   และได้ผ่านม่านบังทั้งหลายจนถึงซิดร่อตุ้ลมุนตะฮา ( سِدْرَةُ الْمُنْتَهَى  )  คือต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งมีแม่น้ำอันบริสุทธิ์หลายสายไหลรินออกมาจากโคนของมัน     หลายสายจากน้ำนมที่ไม่เปลี่ยนรสชาติ  หลายสายจากน้ำอัมฤทธิ์รสชาติอันล่ำเลิศ  หลายสายจากน้ำผึ้งที่บริสุทธิ์   เป็นต้นไม้ที่มีร่มเงา   ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางในร่มเงานั้นถึง  70 ปี ก็ไม่สามารถพ้นร่มเงาได้   ท่านนบี (ซ.ล.) แลเห็นสวรรค์และความผาสุกในนั้น    ซึ่งไม่มีสายตาใด แลเห็น   หรือหูได้รับฟัง   และจิตรที่มโนภาพ มาก่อนของมนุษย์ในโลกดุนยาใบนี้เลย
              เมื่อท่านนบี  ( ซ.ล )  ได้ถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีแห่งอัลเลาะห์ (ซ.บ.)         ท่านนบี (ซ.ล) จึงแสดงความเคารพและคารวะต่อพระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ . บ )โดยกล่าวว่า  
  
    اَلتَّحِيَّاتُ الْمُبَارَكاَتُ الصَّلَوَاتُ الطَّيِّبَاتُ ِللهِ                          

(อัตตะฮียาตุ้ลมุบาร่อกาตุสซ่อละวาตุฏฏอยยิบาตุลิ้ลลาฮ์)

         ความว่า   บรรดา ความเคารพ  สิริมงคล   พระพรอันบริสุทธิ์ เป็นสิทธิ์แห่งอัลเลาะฮ์
อัลเลาะห์(ซ.บ.)   ทรงตอบรับแก่ท่านนบีว่า 


اَلسَّلاَمُ عَلَيْكَ اَيُّهَاالنَّبِيُّ وَرَحْمَةُ اللهِ وَبَرَكاَتُهُ ) )
      
อัสสลามุอะลัยก่า  อัยยุฮันนบียู่  วะเราะฮ์มะตุ้ลลอฮิ  วะบะร่อกาตุฮ์
          ความว่า    สุขสันติจงมีเหนือท่านนบี และพร้อมด้วยความเมตตาและสิริมงคลแห่งอัลเลาะฮ์
               ท่านนบี (ซ.ล.)  เมื่อได้รับพรดังกล่าว ท่านจึงมีความปรารถนาในพระพรนั้น ให้เกิดแก่บ่าวของอัลเลาะห์(ซ.บ.) ที่เป็นประชากร(อุมมะห์)ของท่าน ท่านจึงกล่าวว่า                         
اَلسَّلاَمُ عَلَيْنَاوَعَلَى عِبَادِاللهِ الصَّالِحِيْنَ
อัสสลามุอะลัยนาวะอะลาอิบาดิ้ลลาฮิซซอลิฮีน
         ความว่า  ขอความสันติได้มีเหนือพวกเราและเหนือบ่าวที่ดีของพระองค์ด้วยเถิด

มวลมาลาอีกะฮ์ทั่วท้องฟ้าเปล่งเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายมาก่อนว่า  


اَشْهَدُاَنْ لاَاِلَهَ اِلاَّاللهُ وَاَشْهَدُاَنَّ مُحَمَّدًارَسُوْلُ اللهِ

    อัชฮะดุอัลลาอิลาฮะอิลลั้ลเลาะฮ์   วะอัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดัรร่อซูลุ้ลเลาะฮ์

          ความว่า    ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกกราบไหว้โดยเที่ยงแท้นอกจากอัลเลาะห์ (ซ.บ.) และข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่านบีมุฮำหมัดเป็นร่อซู้ลของอัลเลาะห์(ซ.บ.)
และเป็นพระเมตตา ( เราะฮ์มัต ) อันใหญ่หลวงที่ได้ทรงประทานอิบาดะห์อันประเสริฐสุด ซึ่งเป็นอิบาดะห์ที่แยกความเป็นมุสลิมและผู้ปฏิเสธ  นั่นคือการละหมาดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 5 เวลา ซึ่งผลบุญเท่ากับ 50 เวลา  หลังจากได้รับการผ่อนปรนแล้ว
               ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
ส่วนจากจารึกของการอิสรออ์  และเมียะอ์รอจ      จึงทำให้บ่าวของอัลเลาะฮ์     ( ซ . บ )ที่เป็นมุสลิมทั้งหลายรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการละหมาด ว่าเป็นอิบาดะห์อันดับต้นและเป็นองค์ประกอบของอิสลาม รองจากการปฏิญาณตน  เราจะสังเกตได้ว่า  การปฏิบัติอิบาดะฮ์อื่น ๆ ที่นอกจากการละหมาดแล้วนั้น    อัลเลาะห์(ซ.บ.)           ทรงประทานวะฮีย์    (   وَحْيٌ    )  แก่ท่านนบี ( ซ . ล )โดยผ่านยิบรออิ้ลนำมาสู่ยังพื้นโลก    ส่วนการละหมาดในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งเพียง 5 เวลาซึ่งผลบุญทวีคูณถึง 50 เวลา   ท่านนบีได้ขึ้นไปรับจากพระองค์อัลเลาะฮ์โดยตรง    ในค่ำคืนของวันจันทร์ที่ 27 แห่งเดือนร่อญับ ในปีที่แปดจากการเป็นศาสนทูตของท่านนบี ( ซ . ล )    ดังนั้นมุสลิมทุกคนจำเป็นต้องแสดงออกถึงความยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์อย่างแท้จริงและพร้อมด้วยการรำลึกถึงความสำคัญของอิบาดะฮ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติเป็นฟัรฎูแก่ท่านนบี ( ซ . ล )และอุมมะฮ์ของท่านในค่ำคืนที่มีสิริมงคล   ด้วยการดำรงไว้ซึ่งการละหมาด              
              
اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ