الكبائر
อั้ลกะบาอีร
โดย อ. อาลี กองเป็ง
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
คำว่าอั้ลกะบาอิร (الْكَبَائِرْ) คือความผิดหรือการกระทำที่เป็นบาปใหญ่ ซึ่งพระองค์อัลเลาะฮ์ ( ซ บ) ทรงระบุไว้เป็นข้อต้องห้ามในพระมหาคัมภีร์อั้ลกุรอ่าน และท่านนบี ( ซ ล ) ได้กล่าวเตือนในซุนนะฮ์ของท่านและร่องรอยที่ถูกถ่ายทอดจากบรรดาชนสะลัฟซอและฮ์ อัลเลาะฮ์ ( ซ บ) ทรงตรัสในคัมภีร์อั้ลกุรอ่าน เพื่อบ่าวของพระองค์ได้ทราบว่า ผู้ใดที่เขาออกห่างไกลจากกะบาอิรหรือบาปใหญ่ พระองค์ได้ทรงปลดเปลื้องแก่เขาเหล่านั้นจากบาปเล็กๆทั้งหลาย อัลเลาะฮ์ทรงกล่าวในซูเราะห์ อันนิซาอฺ โองการที่ 31 ว่า
ความว่า "หากพวกเจ้าปลีกตัวออกจากบาปใหญ่ทั้งหลายคือสิ่งที่พวกเจ้าถูกห้ามจากสิ่งนั้น เราก็จะลบล้างออกจากพวกเจ้า และเราจะให้พวกเจ้าเข้าสู่สถานที่อันมีเกียรติ ( สวรรค์ )"
การปลีกตัวของมนุษย์จากบาปด้วยการไม่ตามอารมฌ์ชั่วที่นำพา และไม่คล้อยตามการชักจูงของชัยฏอน พร้อมกับรักษาตัวเองและปกป้องมิไห้ตกอยู่ในการทำบาปใหญ่ อัลเลาะฮ์คือผู้ทรงค้ำประกันว่าพระองค์นั้นจะนำเขาผู้นั้นเข้าสวรรค์
ท่านนบี (ซ ล) กล่าวว่า
الصَّلَوَاتُ الْخَمْسُ . وَالْجُمْعَةُ إِلَى الْجُمْعَةِ .وَرَمَضَانُ إِلَى رَمَضَانَ . مُكَفِّرَاتٌ لِمَابَيْنَهُنَّ إِذَاجْتُنِبَ الْكَبَائِرْ
رواه أحمد ومسلم والترمذي عن أبي هريرة
.
ความว่า"การละหมาดฟัรฎูห้าเวลา การละหมาดญุมอะฮ์หนึ่งสู่ญุมอะฮ์หนึ่ง การถือศีลอดในรอมฎอนหนึ่งสู่รอมฎอนหนึ่ง ทั้งหลายนี้ได้เปลื้องโทษที่อยู่ระหว่างนั้น ทั้งนี่เมื่อเขาออกห่างไกลจากบาปใหญ่"
จึงทำให้พี่น้องมุสลิมเข้าใจตรงกันว่า คำว่าบาปนั้นมีสองประเภท คือบาปเล็กและบาปใหญ่ บาปเล็กๆน้อยๆจะถูกปลดเปลื้องด้วยการทำความดีที่หลากหลาย เขาที่เป็นมุสลิมต้องพยายามสลายบาปเหล่านี้ด้วยการฎออัตภัคดี อย่าได้สะสมสิ่งเล็กๆจนกลายสภาพเป็นตะกันก้นกาน้ำที่ติดแน่นเสมือนคราบของหินปูนหรือดินพอกหางหมูจนเกิดความลำบากในการขจัดมันออกไป ส่วนบาปใหญ่ไห้พี่น้องต้องเข้าใจว่า ไม่มีใครลงโทษได้รุนแรงและแสนสาหัสเทียบเท่าการลงโทษของอัลเลาะฮ์ได้เลย และเมื่ออัลเลาะฮ์ทรงโกรธแก่ผู้ฝ่าฝืนแล้วเขาย่อมได้รับความหายนะในโลกอาคีเราะฮ์ และก็เป็นไปได้ที่พระองค์จะทรงลงโทษบนโลกดุนยานี้เองตราบใดที่ผู้ละเมิดยังไม่รู้สึกสำนึกผิดและไม่ขออิสติฆฟารต่อพระองค์เฉกเช่นประชาชาติยุคก่อนๆมาแล้วที่พวกเราได้เคยรับทราบในกรณีของฟาโรห หรือฟิรเอาน จอมอหังกา และหยิ่งผยองถึงขั้นอ้างตนเป็นพระเจ้า และเช่น กลุ่มของนบีลูฏ อะลัยฮิสสลามที่ไม่ยอบศรัทธาต่อท่านและยังประกอบกรรมที่เลวร้ายซึ่งไม่มีผู้ใดทำเช่นนี้มาก่อนคือการรักร่วมเพศอย่างเปิดเผยและไม่เกรงกลัวอัลเลาะฮ์ทั้งๆทีนบีลูฎอะลัยฮิสสลามทำการตักเตือน ห้ามปรามและปกป้องจนสุดความสามารถ อัลเลาะฮ์จึงทรงลงอะสาบ (ลงโทษ)โดยการทำลายคนชั่วเหล่านี้ ทรงใช้ยิบรออี้ลยกเมืองซ่อดูมขึ้นยังฟากฝ้าแล้วปล่อยหกคะมำคว่ำยังพื้นดินซึ่งพลิกคว่ำเมืองจากข้างบนเป็นข้างล่าง ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังทรงได้กระหน่ำหินที่แผดร้อนลงมาอย่างต่อเนื่องทำลายเมืองซ่อดูมซึ่งหินนั้นจะมีชื่อของผู้ถูกทำลายแต่ละคนถูกสลักชื่อเอาใว้ที่หินแต่ลก้อน และยังเป็นปรากกการที่ประจานไห้เห็นจากร่องรอยดังกล่าว ณ (اَلْبَحْرُالْمَيِّتْ) ทะเลตายหรือทะเลทราบเดสซีและบ้างก็ว่าทั้งเมืองซ่อดูมและอัมมูเราะฮ์จมภายไต้ทะเลเดสซีนี้เอง แต่ในขณะเดียวกันความเป็นมนุษย์ที่มิอาจถึงขั้นมะซูมย่อมมีความผิดไปในทางที่เป็นบาปใหญ่ ก็ไห้เขาเข้าใจเถิดว่า อัลเลาะฮ์ทรงพระเมตตาและกรุณายิ่ง จงรีบทำการเตาบัตตัวจากความผิดที่ได้กระทำไปโดยการสำนึกผิดที่ถูกขนานนามว่าเตาบะตันนะซูฮา ( تَوْبَةً نَصُوْحًا) อัลเลาะฮ์ทรงกล่าว ในซูเราะ อัซซุมัร โองการที่ 53 ว่า
ความว่า" (โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า โอ้บ่าวของข้าเอ๋ย ซึ่งบรรดาผู้ดำเนินชีวีตที่ผิดพลาดไปกับตัวของพวกเขาเอง พวกท่านจงอย่าหมดหวังเลยจากความเมตตา(โดยการขออภัยโทษ) แท้จริงอัลเลาะฮ์คือผู้ทรงอภัยยิ่งกับความผิดทั้งหลายแท้จริงพระองค์ผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตายิ่ง "
اَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ