โดย อ. อาลี กองเป็ง
1 นิยามคำว่า الصِّيَامُ – الصَّوْمُ
ตามหลักภาษา คือ การระงับหรือการงดเว้น
ตามหลักบัญญัติ คือ การงดเว้นจากสิ่งที่ทำให้เสียการถือศิลอด ตลอดของเวลา กลางวัน โดยมีเจตนาที่ถูกเจาะจง
2 ฮู่ก่ม การถือศิลอดในเดือนรอมฎอนเป็นวายิบ เมื่อครบเงื่อนไข
3 หลักฐานจาก กุรอ่าน ดังดำรัสของอัลเลาะห์ใน ซูเราะห์ อัลบากอเราะห์ โองการที่ 182 ว่า
ความว่า “ โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย การถือศิลอดถูกกำหนดเป็นหน้าที่เหนือพวกเจ้า ประดุจดังเป็นหน้าที่เหนือบรรดาชนก่อนพวกเจ้า เพื่อเจ้าทั้งหลายจักได้ยำเกรง ”
4 หลักฐานจากหะดิษ โดยท่านนบี (ซ ล) ได้กล่าวโดยมีใจความว่า
“ อิสลามถูกประกอบไปด้วย 5 ประการ ส่วนหนึ่งจากมันคือ การถือศิลอดใน เดือนรอมฎอน”
5 การถือศิลอดในรอมฎอนเป็นรู่ก่นหนึ่งของอิสลามและถูกทราบจากศาสนาโดยปฏิเสธไม่ได้ ผู้ใดปฏิเสธการเป็นวายิบถือว่าเขาสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม
6 ฮิกมะห์แห่งบัญญัติการถือศิลอด
6/1: เพื่อความเอื้ออาทรและเมตตาแก่ผู้ยากไร้
6/2: ฝึกความอดทน อดกลั้น ขณะเผชิญกับความทุกข์ยาก
6/3: รักษาสุขภาพ
6/4: แสดงออกถึงความเป็นพี่น้องของชนมุสลิมประดุจเรือนร่างเดียวกัน
7 จำเป็นการถือศิลอดในเดือนรอมฎอนเหนือมุสลิมโดยรวม ด้วยการเริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน จากการเห็นจันทร์เสี้ยว ในคืนที่ 30 ของเดือนซะบาน ณ ที่ ฮากิม หรือมิฉะนั้นต้องด้วยการนับเดือนซะบานครบจำนวน 30 วัน จากหะดิษของท่าน อะบูฮุรอยเราะฮ์ บันทึกโดย บุคอรีย์และมุสลิม ว่า
ท่านนบี (ซ ล) กล่าว
صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ وَاَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ فَاِنْ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
ความว่า “เจ้าทั้งหลายจงถือศิลอด(รอมฎอน)เพราะเห็นจันทร์เสี้ยวและจงละศิลอด(ออกบวช)เพราะเห็นมัน
ดังนั้น หากถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกเหนือพวกเจ้า เจ้าทั้งหลายจงทำให้จำนวนของเดือนซะบานสมบูรณ์ 30 วัน
8 ปรากฏการเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเข้าเดือนรอมฎอนด้วยผู้เห็นที่อาเด้ลเพียงคนเดียว
เมื่อฮาเก่ม ได้ทำการวินิจฉัยแล้ว
9 เงื่อนไขของวายิบการถือศิลอดมี 4 เงื่อนไข
9.1: เป็นมุสลิม 9.2: บรรลุศาสนภาวะ 9.3: มีสติสัมปชัญญะ
9.4: มีความสามารถในการถือศิลอด
10 เงื่อนไขของการถือศิลอดที่(เซาะห์)ใช้ได้มี 4 ประการ
10.1: เป็นมุสลิมที่แท้จริง ดังนั้นการถือศิลอดจะไม่เซาะห์ของคนกาฟิร
10.2: มีสติสัมปชัญญะ ดังนั้นจึงไม่เซาะห์การถือศิลอดของคนบ้า ถึงแม้เพียง
ชั่วครู่ในเวลากลางวัน
10.3: บริสุทธิ์จากการมีรอบเดือนและน้ำคราวปลา ตั้งแต่แสงอรุณจริงขึ้นจน
อาทิตย์ลับขอบฟ้า ดังนั้นจึงไม่เซาะห์การถือศิลอดแก่ผู้มีรอบเดือนหรือ
น้ำคราวปลา(นิฟาส) ถึงแม้จะมีเพียงครู่เดียว ยิ่งกว่านั้น ถือว่าการถือ
บวชเป็นข้อต้องห้าม (حرام)
10.4: เป็นช่วงของวันและเวลาที่อนุมัติให้ถือศิลอด ดังนั้นจึงไม่เซาะห์การถือ
ศิลอดวันต้องห้าม เช่น 2 วันอีด และ 3 วันของวันตัชริก และวัน
สงสัย(شك)
11 องค์ประกอบ(รุ่ก่น)การถือศิลอดมี 3 ประการ
11.1: การตั้งเจตนาด้วยใจ หากการบวชเป็นฟัรฎู เช่น บวชในเดือนรอมฎอน หรือ
บวช(นะซัร)แก้บน จำเป็นต้องมีเจตนาในยามค่ำคืน และเจาะจงการถือศิลอด
ด้วย
11.2: งดเว้น การกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ การสำเร็จความใคร่ การ
อาเจียนโดยเจตนา หากแม้นเขากิน ดื่ม ร่วมเพศโดยลืม การถือศิลอดให้
ดำเนินต่อไปและไม่ถือว่าเสียศิลอด กรณีไม่รู้ เช่น พึ่งเข้ารับอิสลามหรือ
ห่างไกลนักวิชาการ(อุลามาอ) ก็ไม่เสียบวชเช่นเดียวกัน หากมิฉะนั้นก็ถือ
ว่าเสียศิลอด
11.3: ผู้ที่ทำการถือศิลอด
12 สิ่งที่ทำให้เสียศิลอด มี 10 ประการ
12.1: มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นตัวจับต้องได้ เข้าสู่ภายในจากรูเปิด เช่น รูหู รูทวาร
12.2: หยอดยาหรือฉีดยาเข้าทางทวารหนักหรือทวารเบา
12.3: การอาเจียนโดยเจตนา หากแม้นไม่สามารถกลั้นไว้ได้ เช่น เมารถ ก็ไม่
นับว่าเสียศิลอด
12.4: มีเพศสัมพันธ์ทางทวารเบาหรือทวารหนักกับมนุษย์ด้วยกัน ร่วมประเวณีกับ
มนุษย์หรืออื่นจากมนุษย์ ถึงแม้นจะไม่หลั่งก็ตาม ในกรณีมีเพศสัมพันธ์โดย
ลืมไม่ว่ากี่ครั้งก็ตาม ไม่ถูกนับว่าเสียการถือศิลอด
12.5: การหลั่งอสุจิ เช่น การกระทบหรือสัมผัสผิวหนังโดยไม่มีของกั้นหากหลั่ง
อสุจิโดยการฝันไม่ทำให้เสียศิลอด
12.6: มีรอบเดือน
12.7: คลอดบุตร
12.8: มีนิฟาส(เลือดหลังการคลอดบุตร)ถึงแม้ว่านิฟาสออกหลังจากเลือดก้อนหรือ
เนื้อก้อนก็ตาม
12.9: เป็นบ้า
12.10: การริดดะฮ์(สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม)
13 (สุนัต) ข้อควรปฏิบัติในขณะถือศิลอด
13.1: รีบละศิลอดเมื่อมั่นใจว่าอาทิตย์ลับขอบฟ้า หรือค่อนข้างแน่ใจ(ظن) หาก
แม้นว่ายังเกิดความสงสัย( شك )ไม่อนุญาตให้รีบละศิลอด และควรเริ่ม
ละศิลอดด้วยอินทผลัม หากไม่มีให้เริ่มด้วยน้ำ
13.2: ทานอาหารสะฮูร(سحور)เริ่มเข้าเวลาด้วยครึ่งคืนไปแล้ว การทานอาหารสะฮูร
ก่อนเที่ยงคืนไม่ถือว่าเป็นอาหารสะฮูร
13.3: ล้าช้าในการรับประทานอาหารสะฮูร ตราบใดไม่เกิดความสงสัยในเวลา
และถือว่าได้สุนัตในการทานสะฮูรด้วยการกินการดื่มเพียงเล็กน้อย
13.4: ละทิ้งการพูดจาที่จาบจ้วงหรือลามก ให้ผู้ถือศิลอดรักษาลิ้นของเขาจากการ
โกหก การนินทา การด่าทอ หากมีผู้ใดมาบริพาทเขา เขาจงกล่าวว่า
“แท้จริงฉันถือศิลอด 2 ครั้ง
13.5: ละจากอารมณ์ที่ปรารถนา ถึงแม้นจะไม่เสียบวชก็ตาม เช่น การดมของ
หอม
13.6: การอาบน้ำยกหะดัสใหญ่ในเวลากลางคืน เพื่อผู้ถือศิลอดจะได้คงอยู่ใน
สภาพของผู้สะอาดตั้งแต่เริ่มแรกของการถือศิลอด
13.7: อ่านกุรอ่านเป็นจำนวนมากๆ และศึกษากุรอ่าน
13.8: เอียะติกาฟ (การหยุดอยู่ที่มัสยิด ) โดยเฉพาะสิบคืนสุดท้ายของรอมฎอน
14 ฮู่ก่มการถือศิลอดวันที่สงสัย(شك)
เป็นข้อห้ามและไม่เซาะห์ การถือศิลอดในวันที่สงสัย โดยไม่มีเหตุที่ทำให้ถือ ศิลอด หากแม้นมีเหตุที่ทำให้ถือศิลอด เช่น เป็นกิจวัตรของเขาในการถือศิลอด 1 วันและเว้น 1 วัน และได้ไปตรงกับวันที่สงสัย(شك)หากมีเจตนา ก็ถือว่าใช้ไม่ได้
15 เยามุสชัก (يوم الشك)
คือวันที่ 30 ของซะบาน เมื่อไม่มีใครเห็นเดือนในคืนที่ 30 ขณะที่ท้องฟ้า
เปิด และมีการพูดคุยกันหนาหูว่าเห็นเดือน แต่ไม่มีผู้อาเด้ลแลเห็นหรือไม่มีเด็ก
หรือทาสหรือคนฟาเซ็ก แสดงตนเป็นพยานว่าแลเห็นเลย
16 ผู้ที่จำเป็นต้องเสียกัฟฟาเราะฮ์ด้วยเหตุทำให้เสียศิลอด
กรณีที่เสียศิลอดไม่ต้องเสียกัฟฟาเราะห์ ยกเว้น การร่วมประเวณีในกลางวัน
ของรอมฎอน โดยมีเจตนา ถึงแม้ว่าจะไม่หลั่งก็ตาม ในสภาพที่ผู้นั้นมุกัลลัฟในการถือศิลอดและมีการตั้งใจเหนียตการถือศิลอดในเวลากลางคืน นับว่าทำบาปด้วยการร่วมประเวณีเนื่องจากถือศิลอด ดังนั้นจำเป็นเขาต้องรีบชดใช้บวชและเสียกัฟฟาเราะฮ์
(กัฟฟาเราะฮ์)
คือ การปล่อยทาสที่ศรัทธาและปราศจาก จากตำหนิต่างๆที่มีผลในการทำงานหรือหาอาชีพ หากแม้นไม่สามารถ ให้ทำการถือศิลอดสองเดือนติดต่อกันโดยไม่นับวันที่ต้องชดใช้ และหากว่าเว้นช่วง จำเป็นต้องเริ่มใหม่ถึงแม้นว่าการเว้นช่วงจะเกิดเพราะอุปสรรคก็ตาม หากแม้นไม่สามารถ ในข้อที่ 2 อีก ให้จ่ายอาหารแก่บรรดาคนมิสกีนหรือคนฟะเกร 60 คน แต่ละคน คนละ 1 มุด หากหมดความสามารถทั้งสามประการ กัฟฟาเราะฮ์ยังคงติดค้างในภาระของเขา เมื่อเขาสามารถก็ให้เปลื้องภาระดังกล่าว
17 ฮู่ก่มผู้ตายก่อนชดใช้การถือศิลอด
ผู้ตายไปแล้วที่ขาดการถือศิลอดโดยมีอุปสรรค เช่น ป่วย และไม่สามารถชดใช้เนื่องจากยังคงสภาพของการป่วย ไม่นับว่าเกิดโทษเหนือผู้ตายและไม่ต้องจ่ายฟิดยะห์และ ไม่ต้องทำการชดใช้ด้วย
ในกรณีขาดบวชโดยมีอุปสรรค(عذر) และสามารถทำการชดใช้ หรือขาดบวชโดยไม่มีอุปสรรค(عذر) และตายก่อนที่การชดใช้เป็นไปได้ หรือตายหลังการเป็นไปได้ในการชดใช้ ตามมั๊วะตะมัด ให้เครือญาติของผู้ตายเลือกระหว่าง
1. การถือศิลอดแทนให้ผู้ตาย
2. นำมรดกของผู้ตายจ่ายเป็นอาหารหนักแก่มิสกีน วันละ 1 มุด แต่ทว่าการ
ถือศิลอดแทนให้ผู้ตาย เป็นการอัฟฎ้อล(ประเสริฐ)
ฮู่ก่มของคนชราและคนป่วยไม่หวังหาย
ชายและหญิงที่ชราภาพและผู้ป่วยเรื้อรังที่ไม่หวังหายจากอาการป่วย หากไม่สามารถถือ ศิลอด ให้ละศิลอดได้ และจ่ายอาหารแทนของทุกวัน วันละ 1 มุด ไม่อนุญาตให้จ่ายก่อนรอมฎอน
ฮู่ก่มการถือศิลอดของผู้ป่วยและคนเดินทาง
ผู้ป่วยที่หวังหายและคนเดินทางที่อนุมัติ หากแม้นเกิดอันตรายด้วยการถือศิลอด ให้ทำการละศิลอดและทำการชดใช้ และอนุญาตแก่ผู้ป่วย ซึ่งมีอาการป่วยเป็นประจำต่อเนื่องให้ละทิ้งการตั้งเจตนาในเวลากลางคืน หากแม้นป่วยไม่ต่อเนื่อง เช่น ป่วยๆหายๆ และเวลาเริ่มถือศิลอดก็ตัวร้อนเป็นไข้ อนุญาตให้ละทิ้งการเหนียตบวช หากมิฉะนั้น ให้เหนียตถือศิลอดในเวลากลางคืน หากอาการไข้ตัวร้อนเกิดขึ้น ให้ทำการละศิลอดได้ เมื่อเกิดความจำเป็น
อ.อาลี กองเป็ง
สรุปจาก تقريب فتح القريب
في الفقه الشا فعي