วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บทความศาสนา


อันนัมมามคือผู้ถ่ายทอดคำพูดในหมู่ชนบนหนทางสู่ความหายนะ
โดย อ.อาลี  กองเป็ง

ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก

อัลเลาะฮ์ ( )   ทรงกล่าวในซูเราะห์อัลก้อลัม โองการที่ 10-11 ว่า




   ความว่า  "และห้ามเจ้าเชื่อฟังตามทุกๆคนที่เป็นนักสาบานที่ต่ำช้า  ผู้นินทาชอบตระเวนใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น"
   และท่านนบี ( ) ได้กล่าวว่า
  
 رواه الشيخان وأحمد من حديث حذيفة بن اليمان(لاَيَدْخُلُ الْجَنَّةَ نَمَّامٌ   .
ความว่า"ผู้ตระเวนยุแหย่ไห้เกิดความแตกแยกจะไม่ได้เข้าสวรรค์"
     ซึ่งหลักฐานจาก      อั้ลกุรอานอั้ลหะดีษกล่าวเตือนถึงความหายนะของคนนัมมาม  ในลักษณะที่เขาผู้นั้นปลีกตัวออกจากความเมตตาของอัลเลาะฮ์  เนื่องด้วยเขาสมัครใจและตามอารมฌ์พร้อมบันจุคุณลักษณะของชัยฏอนจนติดเป็นนิสัย  ที่ปรารถนาก่อความเดือดร้อน   ความแตกแยก  ทำลายความสมานฉันท์ระหว่างพี่น้อง  เครือญาติ  ครอบครัว  และสังคม   มุสลิมตามนัยยะหนึ่งของอิสลามคือ  ผู้ที่คำนึงถึงความศานติ  แลความปลอดภัยจากอันตรายหรือความเดือดร้อนที่จะเกิดกับตนเองหรือผู้อื่น  กล่าวคือ  คนยุแหย่ใส่ร้ายเขาเกิดมาเพื่อเดินทางจากโลกดุนยาสู่อาหลั่มบัรซัค ( โลกขั้นกลางระหว่างดุนยาและอาคิเราะฮ์) และมันคือด่านรกของอาคิเราะฮ์  เพื่อไปรับอะษาบ ( ทุกข์ทรมาน ) ซึ่งยังมีอีกหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องเล็กแต่หาเป็นเช่นนั้นไม่  มันคือบาปใหญ่ซึ่งท่านนบี ( ) ได้กล่าวถึงความวิบัติของมัน  ซึ่งครั้งหนึ่งขณะท่านนบี ( ) เดินผ่านสองหลุมศพแล้วท่านปรารภว่า

اِنَّهُمَا لَيُعَذَّ بَا نِ وَمَا يُعَذَّ بَا نِ فِيْ كَبِيْرٍ أَمَا اِنَّهُ كَبِيْرٌ أَمَّا اَحَدُ هُمَا فَكَا نَ لاَ يَسْتَبْرِئُ مِنْ بَوْ لِهِ وَأَمَّااْلآ خَرُ فَكَانَ يَمْشِيْ بِالنَّمِيْمَةِ .ثُمَّ أَخَذَجَرِيْدَةًرَطْبَةً فَشَقَّهَااثْنَتَيْنِ وَغَرَزَفِيْ كُلِّ قَبْرٍوَاحِدَةً وَقَالَ : لَعَلَّهُ أَنْ يُخَفِّفَ عَنْهُمَامَالَمْ يَيْبَسَا  .     رواه أحمد والبخاري ومسلم وابوداود والنسائي والدارمي عن ابن عباس


ความว่า  "แท้จริงทั้งสองนี้กำลังถูกทรมาน  ทั้งสองนี้ไม่ได้กำลังถูกลงโทษในเรื่องที่ใหญ่โตเลย     ( ในความคิดที่เข้าใจ ) โปรดทราบเถิดว่ามันคือบาปอันใหญ่โตมาก  หนึ่งจากสองนี้คือ   ปรากฏเขาไม่ทำความสะอาดจากปัสสาวะ  และอีกหนึ่ง  ปรากฏว่าเขาตระเวนเพื่อยุแหย่ใส่ร้าย  ต่อมาท่านได้เอาก้านอินทผาลำสดฉีกออกเป็นสองซีกและปักลงในกุบูรทั้งสองนั้นหลุมละอัน   และท่านกล่าวว่า หวังว่ามันจะทำไห้ผ่อนปรนแก่ทั้งสองตราบเมื่อก้านอินทผาลำทั้งสองซีกยังไม่แห้ง"
  ท่านพี่น้อง การตระเวนยุแหย่นำมาซึ่งความหายนะแก่ตัวเอง อีกทั้งเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่เป็นบ่อนทำลายสังคมที่เราคาดไม่ถึง  ดังมีเรื่องเล่า( หิกายะห์ )จากท่านอีหม่ามอัซษะฮะบี ( الذَّهَبِيْ )   ว่า   มีชายผู้หนึ่งได้แลเห็นทาสเด็กคนหนึ่งเป็นสินค้าที่ถูกขาย และนำเสนอจากพ่อค้าว่า ทาสเด็กผู้นี้ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย เพียงแต่ชอบพูดยุแหย่ใส่ความ  ชายผู้นี้ก็คิดว่า  เมื่อไม่มีตำหนิในการทำงานรับใช้ เรื่องชอบยุแหย่ใส่ร้ายก็ไม่ได้เสียหายแต่ประการใด  เขาจึงได้ซื้อทาสเด็กนี้มาอยู่ใต้ปกครองของเขา  หลายวันต่อมา กมลสันดานของคนยุแหย่ได้เริ่มขึ้น โดยทาสเด็กผู้นี้ได้กล่าวแก่บรรดาภรรยาของเจ้านายว่า  โอ้นางหญิง แท้จริงนายผู้ชายไม่ปรารถนาตัวเธอแล้ว และต้องการนำทาสหญิง มาเทียบเสมอนายหญิง หากแม้นนายหญิงปรารถนาความรักดังเดิมและให้นายผู้ชายล้มเลิกความตั้งใจดังกล่าว    นายจงทำตามคำแนะนำของข้าน้อยเถิด โดยนำมีดโกนที่คมไปโดนเคราใต้คางของนาย  ผู้ชายในยามนอนและเก็บเคราไว้กับนายหญิง  นายหญิงเกิดความรู้สึกเชื่อและปฏิบัติตามโดยไม่คิดเฉลียวใจเลย
ทาสเด็กผู้นี้ด้วยความกมลสันดานเดิม ได้ไปกระซิบบอกแก่นายผู้ชายว่า โอ้นายผู้ชาย แท้จริงนายหญิงคบชู้ และเธอเจตนาให้เธอหลุดพ้นจากนาย เธอเจตนาเชือดนายผู้ชายในยามหลับ  ถ้านายไม่เชื่อคืนนี้โปรดทำการแก้งนอนหลับและนายจะทราบเอง ด้วยความหูเบาและใจที่ไม่หนักแน่น เขาจึงเชื่อและทำตามการยุแหย่ 
เมื่อราตรีนั้นมาถึง  สามีได้เห็นภรรยาถือมีดโกนและจรดลงใต้คางขณะที่สามีแก้งนอนหลับ จึงเข้าใจได้ว่าเด็กทาสพูดถูกแล้ว เธอนอกใจและต้องการฆ่าเป็นแน่  ด้วยการขาดสติ เขาจึงแย่งมีดจากภรรยาและเชือดภรรยาที่คอของเธอจนถึงความตาย
ยังไม่จบแค่ความหายนะเฉพาะครอบครัวนี้เท่านั้น  เครือญาติของภรรยาจึงทำการแก้แค้นโดยการฆ่าสามี เครือญาติฝ่ายสามีก็ไม่ยอมเลิกราจึงเกิดการเป็นศัตรูและโศกนาฏกรรม จากความชั่วร้ายของทาสนี้ยุแหย่ใส่ร้าย  ดังกล่าวนี้เอง อัลเลาะฮ์ทรงตั้งฉายาของคนนัมมาม(ยุแหย่)ว่าเป็นคนฟาซิก(คนชั่ว)
อัลเลาะฮ์ทรงกล่าวในซูเราะห์ อัล ฮุจร๊อต  โองการที่ 6 ว่า
ความว่า  "โอ้ผู้มีศรัทธาทั้งหลายหากแม้นคนชั่วนำข่าวใดๆมาแจ้งแก่พวกท่าน พวกท่านจงตรวจสอบให้กระจ่างชัดเสียก่อน หาไม่แล้วพวกท่านจะก่อเคราะห์กรรมแก่กลุ่มหนึ่งโดยไม่รู้ตัวแล้วพวกท่านจะกลายเป็นสภาพเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป"

  أَ قُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ