การแสวงหาความรู้คือหน้าที่และอะมานะฮ์
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
อัลเลาะฮ์ ( ซ บ ) ทรงตรัสในซูเราะห์ อาละอิมรอน อายะห์ที่ 18 (آل عمران : 18) ว่า
شَهِدَالله ُأَنَّهُ لاَاِلَهَ اِلاَّهُوَ وَالْمَلاَئِكَةُ وَأُولُواالْعِلْمِ قَائِمًابِالْقِسْطِ لاَاِلهَ اِلاَّهُوَالْعَزِيْزُالْحَكِيْمُ
“อัลเลาะฮ์ทรงเป็นพยานว่าแท้จริงผู้เป็นพระเจ้าซึ่งถูกสักการะโดยเที่ยงแท้นอกจากพระองค์เท่านั้น และเหล่ามะลาอิกะฮ์ และผู้ที่มีความรู้ในฐานะดำรงใว้ซึ่งความยุติธรรมก็ยืนยันด้วยว่า ไม่มีผู้ที่ควรได้รับการสักการะใดๆนอกจากพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาณ”
ท่านจงไตร่ตรองเถิดว่า อัลเลาะฮ์ทรงยืนยันด้วยพระองเองเป็นอันดับแรก และทรงกล่าวถึงมะลาอิกะฮ์เป็นอันดับสอง และทรงกล่าวถึงผู้มีความรู้เป็นอันดับสาม เป็นการยืนยันจากอัลเลาะฮ์ถึงฐานะผู้มีความรู้
และพระองค์ทรงตรัส ในซูเราะห์ อันนะหฺลฺ อายะห์ที่ 43 (النحل :43)ว่า
فَاسْاَلُوْاأَهْلَ الذِّكْرِاِنْ كُنْتُمْ لاَتَعْلَمُوْنَ
“ดังนั้นพวกเจ้าจงถามบรรดาผู้รู้หากพวกเจ้าไม่รู้”
กุรอานได้ชี้ชัดไห้มนุษย์ชาติคำนึงถึงการได้มาซึงความรู้ และความรู้นั้นย่อมเกิดขึ้นได้แก่ผู้หนึ่งที่แสวงหาและไฝ่รู้ มันคือหน้าที่ของมนุษย์โดยเฉพาะมนุษย์ที่เป็นมุสลิม ดังท่านนบี ( ซ ล ) กล่าวว่า
طَلَبُ الْعِلْمِ فَرِيْضَةٌ عَلَى كُلِّ مُسْلِمٍ
“การแสวงหาความรู้เป็นฟัรฎูหน้าที่เหนือมุสลิมทุกคน”
และไม่มีระยะเวลาที่จำกัดเขตในการแสวงหาความรู้ ดังบรรดาอุละมาอ์กล่าวว่า ความรู้ประดุจดังมหาสมุทรที่ไร้ฝั่ง ผู้ใดที่อ้างว่าตัวเองรอบรู้แล้วเขาผู้นั้นคือคนญะเฮ้ล(คนโง่)ที่สุด คำว่า การแสวงหาความรู้เป็นฟัรฎู ( หน้าที่ ) หมายถึง
๑ : ฟัรฎูอัยนฺคือการแสวงหาความรู้เพื่อไห้ได้มากับการรู้จักพระเจ้า ภารกิจที่เกี่ยวข้องกับของหะล้าลและหะรอม ไม่ว่าจะเป็นภาคของการอิบาดะฮ์และมุอามะละฮ์ ภารกิจที่เกี่ยวกับสภาพจิตใจ เช่นความอดทน การขอบคุณอัลเลาะฮ์ ความใจบุญ ความสัจจะ การมีมารยาทที่ดีเป็นต้น และสภาพทางใจที่ศาสนาประณาม เช่นการอาฆาตแค้น การอิจฉาริษยา การช่อฉล การอวดอ้าง ความโกรธ การทะเลาะวิวาท
๒ : ฟัรฎูกิฟายะฮ์ คือทุกสาขาของความรู้หรือศาสตร์ต่างๆซึ่งเป็นองค์ประกอบไห้ได้มาซึงปัจจัยที่จะได้ดำรงชีวิตในโลกดุนยา เช่นแพทย์ศาสตร์ เพื่อรักษาผู้ป่วย คณิตศาสตร์ เพื่อใช้กับทธุรกรรมการเงินการแบ่งมรดก เกษตรศาสตร์ เพื่อใช้ในการเกษตรเป็นต้น
ท่านลุกมานได้สั่งเสียแก่ลูกรักของท่านว่า
يَابُنَيَّ جَالِسِ الْعُلَمَاءَ وَزَاحِمْهُمْ بِرُكْبَتَيْكَ . فَاِنَّ الله َسُبْحَانَهُ وَتَعَالَى يُحْيِ الْقُلُوْبَ بِنُوْرِ الْحِكْمَةِ . كَمَايُحْيِ اْلأَرْضَ بِوَابِلِ السَّمَاءِ
“โอ้ลูกน้อย จงนั่งร่วมกับบรรดาอุละมาอ์ จงร่วมกลุ่มเข้าใกล้พวกเขาด้วยหัวเข่าของท่าน แท้จริงอัลเลาะฮ์ ( ซ บ ) ฟื้นฟูหัวใจทั้งหลายด้วยรัศมีแห่งความรู้ ประดุจดังพระองค์ทรงประทานชีวิตชีวาไห้พื้นดินด้วยน้ำฝนจากฟากฟ้า”
ท่านอะลียิบนิอะบีฏอลิบร่อฎิยั้ลลอฮุอันฮ(علي بن ابي طالب)กล่าวแก่ท่านกุมัยลบินซิยาดว่า โอ้ท่านกุมัยล
اَلْعِلْمُ خَيْرٌ مِنَ الْمَالِ .
اَلْعِلْمُ يَحْرِسُكَ وَأَنْتَ تَحْرِسُ الْمَالَ .
وَالْعِلْمُ حَاكِمٌ وَالْمَالُ مَحْكُوْمٌ عَلَيْهِ .
وَالْمَالُ تُنْقِصُهُ النَّفَقَةُ . وَالْعِلْمُ يَزْكُوْبِاْلاِنْفَاقِ
“มีความรู้ดีกว่ามีทรัพย์สินเงินทอง
ความรู้มันจะรักษาท่าน แต่ทรัพย์ท่านต้องรักษามัน
ความรู้คือผู้พิพากษา แต่ทรัพย์เงินทองเป็นผู้ถูกพิพากษา
ทรัพย์จะพล่องเมื่อถูกใช้จ่ายไป แต่ความรู้จะเพิ่มพูนด้วยการใช้มัน”
การเรียนรู้ มุมานะและแสวงหาไม่ว่าจะเป็นด้านฟัรฎูอัยนหรือกิฟายะฮ์ย่อมได้มาซึ่งความมีเกียรติและความประเสริฐดั่งดำรัสขององค์อัลเลาะฮ์ ( ซ บ ) บ่งบอกว่า
يَرْفَعِ الله ُالَّذِيْنَ آمَنُوْامِنْكُمْ وَالَّذِيْنَ أُوْ تُو االْعِلْمَ دَرَجَاتٍ . (المجادلة : 11)
“อัลเลาะฮ์จะทรงยกย่องแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้าและแก่บรรดาผู้ได้รับความรู้หลายขั้น”
นั้นหมายถึงผู้ถูกเทิดเกียรติจากพระองค์คือผู้มีอีหม่านและผู้มีความรู้ และความรู้จะประจักษ์เมื่อแสวงหามัน
ท่านนบี ( ซ ล ) กล่าวว่า
فَضْلُ الْعَالِمِ عَلَى الْعَابِدِ كَفَضْلِ الْقَمَرِلَيْلَةَ الْبَدْرِعَلَى سَائِرِ الْكَوَاكِبِ .
رواه أبوالدرداء
“ความประเสริฐของผู้รู้เหนือผู้ทำอิบาดะฮ์ประดุจความประเสริฐของดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญเหนือดวงดาวทั้งหลาย”
เพราะอะไรหรือตำแหน่งของการทำอิบาดะฮ์โดยปราศจากความรู้นั้นด้อยค่าลง? คำตอบคือผู้ประกอบอิบาดะฮ์ ( ทำดี ) จะทำได้ต่อเมื่อรู้เรื่องที่ดีนั้น ถ้าแม้นไม่รู้เขาก็ไม่ทำ หรือทำ แต่ไม่ได้ดี
ท่านอะบุรดัรดาอ์ กล่าวว่า
لأَنْ أَتَعَلَّمُ مَسْاَلَةً أَحَبُّ اِلِيَّ مِنْ قِيَامِ لَيْلَةٍ
“ในการที่ข้าพเจ้าทำการศึกษาเรียนรู้ปันหามันปราถนายังข้าพเจ้ายิ่งกว่าการตื่นละหมาดในยามค่ำคืนเสียอีก”
اَلْعَالِمُ وَالْمُتَعَلِّمُ شَرِيْكَانِ فِي الْخَيْرِوَسَائِرُالنَّاسِ هَمَجٌ لاَخَيْرَفِيْهِمْ
“ผู้รู้และผู้เรียนหุ้นส่วนกันในเรื่องความดีและคนทั่วไป (ไม่รู้และไม่เรียน ) คือความเขลาไม่มีดีในพวกเขาเลย”
ท่านอิหม่ามชาฟิอีย์ร่อหิมะฮุ้ลเลาะฮ์กล่าวว่า
طَلَبُ الْعِلْمِ أَفْضَلُ مِنَ النَّافِلَةِ “การแสวงหาความรู้ย่อมประเสริฐกว่าการละหมาดที่เป็นสุนัต”
ท่านฟัตห์อั้ลมุวัซซิลีย์ (فتح الموصلي رحمه الله) กล่าวว่า “มิไช่หรอกหรือว่า คนป่วยเมื่อทานไม่ได้ดื่มไม่ได้ ไม่มียารักษา เขาก็ตาย” ผู้คนที่นั่งร่วมฟังอยู่จึงเกริ่นตอบท่านว่า “มันถูกต้องแล้วครับ” ท่านจึงพูดต่อไปอีกว่า “เช่นเดียวกันกับหัวใจของคนก็จะตายด้านเมื่อไม่เรียนรู้ซึ่งปรัชญา”
จากท่านมุอ๊าซกล่าวว่า “จงศึกษาหาความรู้ เพราะการศึกษาเพื่ออัลเลาะฮ์ คือการตักวา ( ยำเกรง ) และการใฝ่หามันคือการอิบาดะฮ์ การทบทวนมันคือการตัสเบียะห์ การค้นคว้ามันคือการญิฮาด การสอนคือการซ่อดะเกาะฮ์ แท้จริงความรู้คือเพื่อนแท้ในยามเหงา”
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก อาหารของจิตรวิญญาญและสมองคือความรู้ (العِلْمُ) และปรัชญา (الحِكْمَةُ) สมองและจิตวิญญาณพึ่งพาอาศัยมันทั้งสอง เฉกเช่นร่างกายจะเจริญเติบโตได้ด้วยการบริโภคอาหารของมัน และผู้ใดก็ตามขาดการเรียน ขาดความรู้ จงเข้าใจเถิดว่าด้านสมองกับหัวใจของเขามีอาการป่วย และแล้วความตายก็มาเยือนแต่เขาไม่รูสึกตัว เพื่อเป็นอนุสติแก่พี่น้องมุสลิมที่รักจึงขอฝากคำกล่าวของท่านอิบนิมัสอูดร่อฎิยั้ลลอฮอันฮฺ ซึ่งท่านกล่าวว่า
عَلَيْكُمْ بِالْعِلْمِ قَبْلَ أَنْ يُرْفَعَ . رَفْعُهُ مَوْتُ رُوَاتِهِ . وَاِنَّ أَحَدًالَمْ يُوْلَدْعَالِمًا وَاِنَّمَاالْعِلْمُ بِالتَّعَلُّمِ “การศึกษาหาความรู้จำเป็นเหนือพวกท่านก่อนที่มันจะถูกยกจากไป การยกความรู้จากไปคือความตายของผู้ที่สาธยายมัน แท้จริงไม่มีใครหรอกเกิดมาโดยเป็นผู้รู้แต่เดิม แต่แท้ที่จริงความรู้จะได้มาด้วยการศึกษา”
أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ