วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

คุตบะห์วันศุกร์



อัลเอียะห์ซานคือหนึ่งในสามของศาสนา
โดย อ. อาลี  กองเป็ง

ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
                        อั้ลเอียะห์ซาน(คุณธรรมความดี) นั้นคือหนึ่งในสามของศาสนา  มุสลิมที่เพิกเฉยหรือขาดไปซึ่งอัลเอียะห์ซานนั้น จะทำให้ภาคผลของอะม้าล(การงาน) ก็จะหลุดตามไปด้วย     ท่านนบี(ซ.ล.) ได้เรียบเรียงลำดับของศาสนาขณะที่ท่านได้สนทนาเชิงตอบคำถามของท่านยิบรออี้ลอะลัยฮิสลามเพื่อยืนยันว่ามะรอติบุดดีน(ลำดับขั้นของศาสนา, مَرَاتِبُ الدِّ يْنِ)   นั้นมีสามลำดับด้วยกัน  ซึ่งมีระบุไว้ในหะดีษ  ยิบรี้ลอะลัลฮิสลาม  รายงานจากท่านอุมัร  ร่อฎิยั้ลลอฮุอันฮกล่าวว่า
بَيْنَمَا نَحْنُ جُلُوْسٌ عِنْدَ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهِ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ذَاتَ يَوْمٍ اِذْ طَلَعَ عَلَيْنَا رَجُلٌ شَدِ يْدٌ سَوَادُ الشَّعْرِلاَيُرَى عَلَيْهِ اَثَرُ السَّفَرِوَلاَيَعْرِفُهُ مِنَّا اَحَدٌ . حَتَّى جَلَسَ اِلَى النَّبِيِّ صَلَّى الله ُعَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَاَسْنَدَ رُكْبَتَيْهِ اِلَى رُكْبَتَيْهِ وَوَضَعَ كَفَّيْهِ عَلَى فَخِذَ يْهِ وَقَالَ : يَامُحَمَّدُ اَخْبِرْنِيْ عَنِ اْلاِسْلاَمِ فَقَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى الله ُعَلَيْهِ وَسَلَّمَ : اْلاِسْلاَمُ اَنْ تَشْهَدَ اَنْ لاَاِلَهَ اِلاَّ الله ُ. وَاَنَّ مُحَمَّدًارَسُوْلُ اللهِ . وَتُقِيْمَ الصَّلاَةَ . وَتُؤْتِيَ الزَّكاَةَ . وَتَصُوْمَ رَمَضَانَ . وَتَحِجَّ الْبَيْتَ اِنِ اسْتَطَعْتَ اِلَيْهِ سَبِيْلاً . قَالَ :صَدَ قْتَ فَعَجِبْنَالَهُ يَسْاَلُهُ وَيُصَدِّقُهُ . قَالَ : فَاَخْبِرْنِيْ عَنِ اْلاِيْمَانِ . قَالَ : اَنْ تُؤْمِنَ بِاللهِ وَمَلاَئِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ وَاْليَوْمِ اْلآخِرِوَتُؤْمِنَ بِالْقَدْرخَيْرِهِ وَشَرِّهِ . قَالَ : صَدَ قْتَ قَالَ : فَاَخْبِرْنِيْ عَنِ اْلاِحْسَانِ . قَالَ : اَنْ تَعْبُدَ الله َكَاَنَّكَ تَرَاهُ فَاِنْ لَمْ تَكُنْ تَرَاهُ فَاِنَّهُ يَرَاكَ ....الحديث  رواه مسلم عن عمر                                                                                                                 
ขณะที่พวกเรานั่งร่วม ที่ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.)ในวันหนึ่ง บังเอิญได้มีชายผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นสวมอาภรณ์ที่ขาวบริสุทธิ์ ผมดกดำสนิท ไม่ถูกพบว่าเขามีร่องรอยในสภาพของผู้เดินทางเลย และในหมู่พวกเราก็ไม่มีใครรู้จักเขาเลย จนกระทั้งเขาได้นั่งโดยสองเข่าของเขาประชิดหรือเกยกับสองเข่าของท่านร่อซู้ล (ซ.ล.)  และเขาก็ได้วางสองฝ่ามือบนสองหน้าขาของท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) พร้อมกล่าวว่า  โอ้มุฮัมมัด  โปรดบอกฉันด้วยจากเรื่องอิสลาม   ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.)  ตอบว่า อัล อิสลามนั้น ท่านจะต้องปฏิญานตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกกราบไหว้โดยแท้จริงนอกจากอัลเลาะฮ์และมุฮัมมัดคือศาสนทูตแห่งอัลเลาะฮ์  และท่านจะต้องดำรงไว้ซึ่งการละหมาด  ท่านจะต้องบริจาคซึ่งทรัพย์ซะกาต   และท่านจะต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอนและทำฮัจญฺ บัยติ้ลลาฮิ้ลหะรอมหากท่านมีความสามารถ  ชายผู้นี้จึงกล่าวขึ้นว่า  ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว   พวกเราเกิดความประหลาดใจที่เขาถามท่านร่ฮซู้ล (ซ.ล.)  และเขาตอบว่าจริงตามที่ท่านร่อซู้ลกล่าวตอบ   และต่อมาเขาก็ถามท่านร่อซู้ลอีกว่าโปรดบอกฉันด้วยจากเรื่องของอีหม่านท่านร่อซู้ลตอบเขาว่า ไห้ท่านอีหม่าน(ศรัทธา)ต่ออัลเลาะฮ์  และมวลมะลาอิกะฮ์ และบรรดาคัมภีร์   และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์  และอีหม่านต่อวันอาคิเราะฮ์และต่อกำหนดความดีและความชั่วมาจากพระองค์   ชายผู้นี้ก็กล่าวตอบเช่นเคยว่าท่านกล่าวถูกต้องแล้ว  และเขาก็ถามต่ออีกว่าโปรดแจ้งไห้ฉันทราบจากเรื่องของอัล เอียะห์ซานท่านร่อซู้ล(ซ.ล.) กล่าวตอบคำถามเขาว่า   ให้ท่านทำทำอิบาดะฮ์ (ทำความดี ) ต่ออัลเลาะฮ์ประดุจว่าท่านแลเห็นพระองค์ หากแม้นไม่ปรากฏว่าท่านแลเห็นพระองค์ แต่แท้จริงพระองค์ทรงแลเห็นท่าน” 
ในหะดีษบทนี้ได้ชี้ชัดไห้ทราบถึงว่าศาสนาได้จัดส่วนของศาสนาเป็นสามส่วนด้วยกัน คือ   1.  อั้ลอิสลาม
2.  อั้ลอีมาน 
 3.  อั้ลเอียะห์ซาน                                                                             
ซึ่งท่านบี (ซ. ล. ) ได้อธิบายแต่ละส่วนไว้ที่มุสลิมจะขาดส่วนหนึ่งส่วนไดไปจากสามส่วนนี้ไม่ได้เลย

คนที่มีเอียะห์ซานเขาต้องมีทั้งภายนอกและภายใน  เอียะห์ซานต้องไปร่วมเจือปนในส่วนแรกและส่วนที่สอง ส่วนแรกคือการแสดงออก เช่น การละหมาด การถือศีลอด หากแม้นขาดซึ่งเอียะห์ซาน  ผลได้จากการละหมาดจะหลุดพ้นไปซึ่งผลลับที่ดีของมัน  ดังนั้น ผู้หนึ่งที่ทำอาม้าลอิบาดะห์ที่ดีประดุจดังเขาแลเห็นอัลเลาะฮ์หรือเขาทราบว่าอัลเลาะฮ์ทรงรู้และทรงแลเห็นอยู่ จึงเป็นเหตุให้เขาได้ทำด้วยความประณีต และปฏิบัติไปด้วยความถูกต้องตามเป้าหมายซึ่งตรงตามเจตนารมญ์ของศาสนา  ผลลับที่ได้คือชัยชนะที่เขาใฝ่หา แตกต่างจากการทำอาม้าลที่ดีแต่หละหลวม หรือดังสำนวนที่กล่าวว่า   ทำๆไปเถอะ! ผลที่ได้คือเสียใจและขาดทุนในภายภาคหน้า
อัลเละฮ์ทรงตรัสใน ซูเราะห์ อัศศ๊อฟฟาต อายะห์ที่ 80 (الصافات :80 )      ว่า
﴿اِنَّاكَذَلِكَ نَجْزِي الْمُحْسِنِيْنَ 


“แทนผู้มีคุณธรรมในการประกอบอิบาดะฮ์ของพวกเขาและเขาทั้งหลายปฎิบัติมันด้วยความประณีตและแม่นยำ”                                                             

ส่วนที่สองคือ  อัลเอี๊ยะห์ซานภายใน  เรียกว่าคุณธรรมทางใจ  ผู้ที่มีคุณธรรมทางใจเขาจะไม่หลอกลวงอัลเลาะฮ์  ไม่หลอกตัวเอง  เพราะเขาทราบในใจเขาดีว่า ความในใจไม่มีใครทราบนอกจากตัวเขาและอัลเลาะฮ์ เขาจะไม่คดไม่โกงต่อตัวเขาเองและอัลเลาะฮ์ และเขาจะคดโกงต่อหน้าที่การงานเขาก็ไม่ได้ ถึงแม้นไม่มีใครรู้  แต่อัลเลาฮ์ทรงรู้ เขาโกงผู้อื่นก็ไม่ได้เพราะเขาทราบดีว่าอัลเลาะฮ์ทรงเห็น
                                                                                                                                                              
ดั่งอุทาหรที่เกิดขึ้นจากครอบครัวหนึ่งที่แสดงถึงคุณธรรมทางใจโดยที่คุณพ่อลงโทษลูกและสอนคูณธรรมต่อลูกว่าโอ้ลูกรักเจ้าทราบไหมว่าในวันหนึ่งครอบครัวเราต้องการเดินทางไปต่างจังหวัดพ่อได้ไปซื้อตั๋วรถไฟในราคาเต็ม  ทั้งพ่อและแม่และเจ้า  แต่ในขณะนั้นในสัมมาโนครัวได้ระบุอายุของเจ้าว่า เจ้ามีสิทธิซื้อตั๋วได้ครึ่งราคาแต่พ่อยอมจ่ายเต็มราคา  พนักงานขายตั๋วจึงถามว่า   ลูกของท่านอายุยังไม่ถึง สิบสองปี ยังซื้อได้ครึ่งราคาทำไมจึงจ่ายเต็มราคาเล่า   ลูกทราบไหมว่าทำไมพ่อจึงซื้อตั๋วเต็มราคาเพราะพ่อรู้ดีว่าอายุของลูกที่แท้จริงคือ สิบสองปีกับสี่เดือน

               ท่านพี่น้องร่วมคุณธรรมที่รัก อัลเอี๊ยะห์ซาน(คุณธรรมความดี) คือ

بِاَنَّهُ عِبَادَ ةُ رَبِّهِ كَاَنَّهُ يَرَاهُ فَاِنْ لَمْ يَكُنْ يَرَاهُ فَلْيَعْلَمْ اَنَّ الله َتَعَالَى يَرَاهُ 
การอิบาดะห์ต่อพระเจ้าของเขาประดุจดั่งเขาแลเห็นพระเจ้าของเขา ดังนั้นหากแม้นไม่ปรากฏว่าเขาเป็นผู้แลเห็นพระองค์จงทราบเถิดว่าพระองค์ทรงแลเห็นเขา”

ผลของผู้มีคุณธรรม الْمُحْسِنُ 
1. ได้รับความรักจากอัลเลาะฮ์ (ซ. บ. )ดังที่พระองค์ตรัสใน     ซูเราะห์ อัลบะเกาะเราะห์    อายะห์ที่ 195    ( (البقرة:۱٩٥)  ว่า

 
وَاَحْسِنُوْا اِنَّ الله َيُحِّبُ الْمُحْسِنِيْنَ  
เจ้าทั้งหลายจงมีคุณธรรมความดีเถิด แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงรักผู้มีคุณธรรมความดีทั้งหลาย”

2. ได้รับความช่วยเหลือและความสำเร็จจากพระองค์
 อัลเลาะฮ์ทรงตรัสในซูเราะห์ อันนะหฺลฺ อายะห์ที่ 128  (النحل:١٢٨)  ว่า

﴿اِنَّ الله َمَعَ الَّذِ يْنَ اتَّقَوْاوَالَّذِ يْنَ هُمْ مُحْسِنُوْنَ

แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงอยู่ร่วม (ให้ความช่วยเหลือและความสำเร็จ) กับผู้มีคุณธรรมความดี”
3. ได้รับการตอบแทนจากพระองค์อัลเลาะฮ์
 อัลเลาะฮ์ตรัสในซูเราะห์ อัรเราะหฺมาน อายะห์ที่ 60 ( الرحمن:٦۰ )ว่า
﴿هَلْ جَزَاءُ اْلاِحْسَانِ اِلاَّ اْلاِحْسَانُ
จะมีการตอบแทนความดีอันใดเล่า(ในโลกดุนยา)นอกจากความดี(ที่เป็นการตอบแทนความดีแก่เขาในโลกอาคิเราะห์) 
4. ได้รับการตอบแทนด้วยสวนสวรรค์และการตอบแทนที่ทวีคูณ คือ ได้เห็นพระพักตร์” ของอัลเลาะฮ์ต้าอาลา
พระองค์ตรัสใน ซูเราะห์ ยูนุส อายะห์ที่ 26  (يونس:٢٦)ว่า
﴿لِلَّذِ يْنَ اَحْسَنُ الْحُسْنَى وَزِيَادَةٌ وَلاَيَرْهَقُ وُجُوْهَهُمْ قَتَرٌوَلاَذِلَّةٌ اُولَئِكَ اَصْحَابُ الْجَنَّةِ هُمْ فِيْهَاخَالِدُوْنَ
สำหรับผู้มีคุณธรรมความดีก็จะได้รับคุนธรรมความดีและได้เพิ่มขึ้นอีก  ความหมองคล้ำและความต่ำต้อยจะไม่ปกคลุมใบหน้าของพวกเขา ชนเหล่านี้แหละคือ ชาวสวรรค์ พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล”

ดังมีรายงานหะดิษ ซอเหี๊ยะห์ซึ่งบันทึกโดยมุสลิมในความหมายของสิ่งที่จะเพิ่มขึ้นอีกคือ การมองไปยังพระภักตร์ของอัลเลาะฮ์ต้าอาลา”
           ขอพระอง์ทรงบันทึกพวกเราให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรมและการทำความดี อามีน

 
أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ
โดย อ. อาลี  กองเป็ง