อัลเอียะห์ซานคือหนึ่งในสามของศาสนา
โดย อ. อาลี กองเป็ง
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
“ขณะที่พวกเรานั่งร่วม ณ ที่ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.)ในวันหนึ่ง บังเอิญได้มีชายผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นสวมอาภรณ์ที่ขาวบริสุทธิ์ ผมดกดำสนิท ไม่ถูกพบว่าเขามีร่องรอยในสภาพของผู้เดินทางเลย และในหมู่พวกเราก็ไม่มีใครรู้จักเขาเลย จนกระทั้งเขาได้นั่งโดยสองเข่าของเขาประชิดหรือเกยกับสองเข่าของท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) และเขาก็ได้วางสองฝ่ามือบนสองหน้าขาของท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) พร้อมกล่าวว่า โอ้มุฮัมมัด โปรดบอกฉันด้วยจากเรื่องอิสลาม ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) ตอบว่า อัล อิสลามนั้น ท่านจะต้องปฏิญานตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกกราบไหว้โดยแท้จริงนอกจากอัลเลาะฮ์และมุฮัมมัดคือศาสนทูตแห่งอัลเลาะฮ์ และท่านจะต้องดำรงไว้ซึ่งการละหมาด ท่านจะต้องบริจาคซึ่งทรัพย์ซะกาต และท่านจะต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอนและทำฮัจญฺ ณ บัยติ้ลลาฮิ้ลหะรอมหากท่านมีความสามารถ ชายผู้นี้จึงกล่าวขึ้นว่า ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว พวกเราเกิดความประหลาดใจที่เขาถามท่านร่ฮซู้ล (ซ.ล.) และเขาตอบว่าจริงตามที่ท่านร่อซู้ลกล่าวตอบ และต่อมาเขาก็ถามท่านร่อซู้ลอีกว่าโปรดบอกฉันด้วยจากเรื่องของอีหม่านท่านร่อซู้ลตอบเขาว่า ไห้ท่านอีหม่าน(ศรัทธา)ต่ออัลเลาะฮ์ และมวลมะลาอิกะฮ์ และบรรดาคัมภีร์ และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์ และอีหม่านต่อวันอาคิเราะฮ์และต่อกำหนดความดีและความชั่วมาจากพระองค์ ชายผู้นี้ก็กล่าวตอบเช่นเคยว่าท่านกล่าวถูกต้องแล้ว และเขาก็ถามต่ออีกว่าโปรดแจ้งไห้ฉันทราบจากเรื่องของอัล เอียะห์ซานท่านร่อซู้ล(ซ.ล.) กล่าวตอบคำถามเขาว่า ให้ท่านทำทำอิบาดะฮ์ (ทำความดี ) ต่ออัลเลาะฮ์ประดุจว่าท่านแลเห็นพระองค์ หากแม้นไม่ปรากฏว่าท่านแลเห็นพระองค์ แต่แท้จริงพระองค์ทรงแลเห็นท่าน”
ในหะดีษบทนี้ได้ชี้ชัดไห้ทราบถึงว่าศาสนาได้จัดส่วนของศาสนาเป็นสามส่วนด้วยกัน คือ 1. อั้ลอิสลาม
2. อั้ลอีมาน
3. อั้ลเอียะห์ซาน
ซึ่งท่านบี (ซ. ล. ) ได้อธิบายแต่ละส่วนไว้ที่มุสลิมจะขาดส่วนหนึ่งส่วนไดไปจากสามส่วนนี้ไม่ได้เลย
คนที่มีเอียะห์ซานเขาต้องมีทั้งภายนอกและภายใน เอียะห์ซานต้องไปร่วมเจือปนในส่วนแรกและส่วนที่สอง ส่วนแรกคือการแสดงออก เช่น การละหมาด การถือศีลอด หากแม้นขาดซึ่งเอียะห์ซาน ผลได้จากการละหมาดจะหลุดพ้นไปซึ่งผลลับที่ดีของมัน ดังนั้น ผู้หนึ่งที่ทำอาม้าลอิบาดะห์ที่ดีประดุจดังเขาแลเห็นอัลเลาะฮ์หรือเขาทราบว่าอัลเลาะฮ์ทรงรู้และทรงแลเห็นอยู่ จึงเป็นเหตุให้เขาได้ทำด้วยความประณีต และปฏิบัติไปด้วยความถูกต้องตามเป้าหมายซึ่งตรงตามเจตนารมญ์ของศาสนา ผลลับที่ได้คือชัยชนะที่เขาใฝ่หา แตกต่างจากการทำอาม้าลที่ดีแต่หละหลวม หรือดังสำนวนที่กล่าวว่า ทำๆไปเถอะ! ผลที่ได้คือเสียใจและขาดทุนในภายภาคหน้า
อัลเละฮ์ทรงตรัสใน ซูเราะห์ อัศศ๊อฟฟาต อายะห์ที่ 80 (الصافات :80 ) ว่า
“แทนผู้มีคุณธรรมในการประกอบอิบาดะฮ์ของพวกเขาและเขาทั้งหลายปฎิบัติมันด้วยความประณีตและแม่นยำ”
ส่วนที่สองคือ อัลเอี๊ยะห์ซานภายใน เรียกว่าคุณธรรมทางใจ ผู้ที่มีคุณธรรมทางใจเขาจะไม่หลอกลวงอัลเลาะฮ์ ไม่หลอกตัวเอง เพราะเขาทราบในใจเขาดีว่า ความในใจไม่มีใครทราบนอกจากตัวเขาและอัลเลาะฮ์ เขาจะไม่คดไม่โกงต่อตัวเขาเองและอัลเลาะฮ์ และเขาจะคดโกงต่อหน้าที่การงานเขาก็ไม่ได้ ถึงแม้นไม่มีใครรู้ แต่อัลเลาฮ์ทรงรู้ เขาโกงผู้อื่นก็ไม่ได้เพราะเขาทราบดีว่าอัลเลาะฮ์ทรงเห็น
ดั่งอุทาหรที่เกิดขึ้นจากครอบครัวหนึ่งที่แสดงถึงคุณธรรมทางใจโดยที่คุณพ่อลงโทษลูกและสอนคูณธรรมต่อลูกว่าโอ้ลูกรักเจ้าทราบไหมว่าในวันหนึ่งครอบครัวเราต้องการเดินทางไปต่างจังหวัดพ่อได้ไปซื้อตั๋วรถไฟในราคาเต็ม ทั้งพ่อและแม่และเจ้า แต่ในขณะนั้นในสัมมาโนครัวได้ระบุอายุของเจ้าว่า เจ้ามีสิทธิซื้อตั๋วได้ครึ่งราคาแต่พ่อยอมจ่ายเต็มราคา พนักงานขายตั๋วจึงถามว่า ลูกของท่านอายุยังไม่ถึง สิบสองปี ยังซื้อได้ครึ่งราคาทำไมจึงจ่ายเต็มราคาเล่า ลูกทราบไหมว่าทำไมพ่อจึงซื้อตั๋วเต็มราคาเพราะพ่อรู้ดีว่าอายุของลูกที่แท้จริงคือ สิบสองปีกับสี่เดือน
ท่านพี่น้องร่วมคุณธรรมที่รัก อัลเอี๊ยะห์ซาน(คุณธรรมความดี) คือ
بِاَنَّهُ عِبَادَ ةُ رَبِّهِ كَاَنَّهُ يَرَاهُ فَاِنْ لَمْ يَكُنْ يَرَاهُ فَلْيَعْلَمْ اَنَّ الله َتَعَالَى يَرَاهُ
“การอิบาดะห์ต่อพระเจ้าของเขาประดุจดั่งเขาแลเห็นพระเจ้าของเขา ดังนั้นหากแม้นไม่ปรากฏว่าเขาเป็นผู้แลเห็นพระองค์จงทราบเถิดว่าพระองค์ทรงแลเห็นเขา”
ผลของผู้มีคุณธรรม الْمُحْسِنُ
وَاَحْسِنُوْا اِنَّ الله َيُحِّبُ الْمُحْسِنِيْنَ
“เจ้าทั้งหลายจงมีคุณธรรมความดีเถิด แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงรักผู้มีคุณธรรมความดีทั้งหลาย”
2. ได้รับความช่วยเหลือและความสำเร็จจากพระองค์
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสในซูเราะห์ อันนะหฺลฺ อายะห์ที่ 128 (النحل:١٢٨) ว่า
“แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงอยู่ร่วม (ให้ความช่วยเหลือและความสำเร็จ) กับผู้มีคุณธรรมความดี”
3. ได้รับการตอบแทนจากพระองค์อัลเลาะฮ์
อัลเลาะฮ์ตรัสในซูเราะห์ อัรเราะหฺมาน อายะห์ที่ 60 ( الرحمن:٦۰ )ว่า
﴿هَلْ جَزَاءُ اْلاِحْسَانِ اِلاَّ اْلاِحْسَانُ﴾
“จะมีการตอบแทนความดีอันใดเล่า(ในโลกดุนยา)นอกจากความดี(ที่เป็นการตอบแทนความดีแก่เขาในโลกอาคิเราะห์)”
4. ได้รับการตอบแทนด้วยสวนสวรรค์และการตอบแทนที่ทวีคูณ คือ ได้เห็นพระพักตร์” ของอัลเลาะฮ์ต้าอาลา
“สำหรับผู้มีคุณธรรมความดีก็จะได้รับคุนธรรมความดีและได้เพิ่มขึ้นอีก ความหมองคล้ำและความต่ำต้อยจะไม่ปกคลุมใบหน้าของพวกเขา ชนเหล่านี้แหละคือ ชาวสวรรค์ พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล”
ดังมีรายงานหะดิษ ซอเหี๊ยะห์ซึ่งบันทึกโดยมุสลิมในความหมายของสิ่งที่จะเพิ่มขึ้นอีกคือ “การมองไปยังพระภักตร์ของอัลเลาะฮ์ต้าอาลา”
أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ
โดย อ. อาลี กองเป็ง