การใช้ทำความดีและการยับยั้งความชั่วกับการลงโทษที่น่าหวาดกลัว
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่เคารพรัก
โปรดได้ทราบว่า การเชิญชวนและใช้ไห้ทำความดีและห้ามปรามจากความชั่ว คือแกนหลักของศาสนา การสั่งใช้ทำความดีคือเป้าประสงค์ของศาสนาที่พระองค์อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงแต่งตั้งบรรดานะบีอะลัยฮิมุสสลาม ทั้งหมดมาก็เพื่อใช้ไห้ทำความดีและลบล้างความชั่ว มาดแม้นว่ามนุษย์ขาดซึ่งการปฎิบัติความดีและสั่งสมกันในความชั่ว แน่แท้ความเขลาและความหลงผิดต้องแพร่กระจาย ผู้คนก็ต้องพินาศ ประเทศชาติก็ต้องพังทลาย
อัลเลาะฮฺ ( ซ บ ) ทรงสั่งใช้ว่า
وَلْتَكُنْ مِنْكُمْ أُمَّةٌ يَدْ عُوْنَ اِلَى الْخَيْرِ وَيَأْمُرُوْنَ بِالْمَعْرُوْفِ وَيَنْهَوْنَ عَنِ الْمُنْكَرِ وَاُولَئِكَ هُمُ الْمُفْلِحُوْنَ .
آل عمران 104
“และจงไห้มีขึ้นจากพวกเจ้า ซึ่งคณะหนึ่งที่จะเชิญชวนไปสู่ความดี และใช้ไห้ทำสิ่งที่ดี และห้ามปรามจากส่งที่มิชอบ และชนเหล่านี้เองเขาทั้งหลายคือผู้รับชัยชนะ”
มีรายงานจากท่านค่อลีฟะฮ์อะบูบักร(ร.ฏ.) จากท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) กล่าวว่า
مَامِنْ قَوْمٍ عَمِلُوْابِالْمَعَاصِيْ وَفِيْهِمْ مَنْ يَقْدِ رُاَنْ يُنْكِرَعَلَيْهِمْ فَلَمْ يَفْعَلْ اِلاَّ يُوْشِكُ اَنْ يَعُمَّهُمُ الله ُبِعِقَابٍ .
رواه ابوداود وغيره بسند صحيح
“ไม่มีกลุ่มชนใดที่พวกเขาทำมะซียัตต่างๆและในหมู่พวกเขาก็มีผู้มีความสามารถยับยั้งได้แต่ผู้นั้นก็ไม่ยับยั้งเว้นเสียแต่ใกล้แล้วที่อัลเลาะฮ์จะทรงไห้การลงโทษของพระองค์ปรกคลุมพวกเขา”
ท่านหุซัยฟะฮ์ ( ร ฏ ) ถูกถามว่า ใครคือผู้มีชีวิตเหมือนซากตายที่ไร้วิญญาณ ท่านกล่าวตอบว่า
اَلَّذِيْ لاَ يُنْكِرُ الْمُنْكَرَ بِيَدِ هِ وَلاَ بِلِسَانِهِ وَلاَ بِقَلْبِهِ
“คือผู้ที่ไม่ยับยั้งความชั่วด้วยอำนาจของเขา และไม่ห้ามมันด้วยคำพูดของเขา และไม่ห้ามด้วยหัวใจของเขา
อัลเลาะฮ (ซ.บ.) ทรงนำเสนอตัวอย่างของความพินาศที่เกิดขึ้นเนื่องจากการไม่ตักเตือนและละเลยของชนยุคก่อนจากชาวบนีอิสรออี้ลซึ่งได้รับความวิบัติเพราะสาเหตุแห่งการทำความชั่วโดยไม่มีการห้ามปรามกัน อัลเลาะฮ์ทรงตรัส ในซูเราะห์ อัล-มาอิดะฮ์ อายะห์ที่ 78-79 ว่า
“ผู้ซึ่งปฎิเสธศรัทธาทั้งหลายในหมู่วงศ์วานของอิสรออี้ลนั้นได้ถูกสาปไห้เป็นลิงโดยคำสาปนั้นมาในถ้อยคำของนบีดาวูดและถูกสาปไห้เป็นสุกรโดยคำสาปนั้นผ่านถ้อยคำของนบีอีซาบุตรมัรยัม ปรากฏพวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันในสิ่งที่ผิดที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น มันช่างเลวร้ายมากในสิ่งที่พวกเขาทำ”
ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) ได้นำเสนอตัวอย่างซึ่งจะก่อเกิดกับความหายนะเนื่องจากไม่ตักเตือนและเพิกเฉย คิดว่าตัวใครตัวมัน แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ซึ่งท่านร่อซู้ลกล่าวว่า
مَثَلُ الْمُدَاهِنِ وَالْوَاقِعُ فِيْهَا مَثَلُ قَوْمٍ ا سْتَهَمُوْا سَفِيْنَةً . فَصَارَ بَعْضُهُمْ فِيْ اَسْفَلِهَا . وَصَارَ بَعْضُهُمْ فِيْ أَعْلاَهَا . فَكاَنَ الَّذِيْ فِيْ اَسْفَلِهَا يَمُرُّ بِالْمَاءِ عَلَى الَّذِيْنَ فِيْ أَعْلاَهَا فَتَأَذَّوْابِهِ . فَأَخَذَ فَأْسًا.فَجَعَلَ يُنَقِّرُ أَسْفَلَ السَّفِيْنَةِ . فَأَتَوْهُ فَقَالُوْا:مَالَكَ؟ قَالَ: تَأَذَّيْتُمْ بِيْ.وَلاَبُدَّ لِيْ مِنَ الْمَاءِ . فَاِنْ اَخَذُوْا عَلَى يَدَيْهِ اَنْجَوْهُ وَاَنْجَوْا اَنْفُسَهُمْ . وَاِنْ تَرَكُوْهُ اَهْلَكُوْهُ وَاَهْلَكُوْا اَنْفُسَهُمْ . رواه البخاري
“อุปมาดังผู้ที่ทำเบาความต่อบทลงโทษที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดไว้และที่ถลำตัวเองลงสู่บทลงโทษนั้นอุปมัยดังกลุ่มชนที่โดยสารบนเรือลำหนึ่งซึ่งบางคนอยู่ชั้นล่างและอีกบางคนอยู่ชั้นบนของเรือ พวกที่อยู่ชั้นล่างปล่อยน้ำผ่านไปหาคนชั้นบนพวกเขาก็จะได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นผู้อยู่ชั้นล่างเขาจึงหยิบขวานขึ้นมาและเริ่มเจาะไต้ท้องเรือ ผู้อยู่ชั้นบนจึงกรูกันมาหาเขาพร้อมกล่าวขึ้นว่า ทำไมทำอย่างนี้ ! ผู้ที่กำลังเจาะเรือกล่าวว่า พวกท่านสร้างความเดือดร้อนต่อฉันด้วยน้ำ ฉันต้องไห้พวกท่านเดือดร้อนด้วยน้ำเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากแม้นพวกเขายับยั้งผู้ที่เจาะเรือ ผู้เจาะเรือก็ปลอดภัยและทั้งหมดที่อยู่ในเรือก็ปลอดภัย หากแม้นพวกเขาทำเพิกเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้คนเจาะเรือก็ต้องตายและทั้งหมดก็ต้องตายเช่นกัน”
การลงโทษของอัลเลาะฮ์แก่ชนยุคก่อนย่อมเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้มีสติและปัญญาไห้ได้คิดและหาทางไห้รอดพ้นจากภัยพิบัติหรือการลงโทษของอัลเลาะฮ์ด้วยการสร้างคุณธรรมความดี และละเลิกจากการทำบาปพร้อมด้วยการชักชวนไห้มีส่วนร่วมในการทำความดีและยับยั้งหรือป้องปรามการทำบาป ท่านร่อซู้ล ( ซ ล )กล่าวว่า
وَالَّذِيْ نَفْسِيْ بِيَدِهِ لَتَأْمُرُنَّ بِا لْمَعْرُوْفِ وَلَتَنْهَوُنَّ عَنِ الْمُنْكَرِ . أَوْليوشكن الله اَنْ يَبْعَثَ عَلَيْكُمْ عَذَابًا مِنْ عِنْدِهِ ثُمَّ لَتَدْعُنَّهُ وَلاَ يُسْتَجَابُ لَكُمْ . روه الترمذي
“ขอยืนยันด้วยผู้ที่ชีวิตฉันอยู่ในพระหัตถ์ ( อำนาจ )ของพระองค์ว่า ท่านทั้งหลายจงใช้ไห้ทำความดีกันจริงๆและพวกท่านจงห้ามปรามการทำบาปกันอย่างจริงจัง หรือมิฉะนั้นเกือบแล้วจริงๆที่อัลเลาะฮ์จะทรงส่งอะซาบ ( ความวิบัติ )เหนือพวกท่านจากพระองค์ ต่อมาพวกท่านก็จะขอดุอาอ์ต่อพระองค์แต่มิได้รับการตอบรับแก่พวกท่านเลย”
มีรายงานจากท่านอุบัยดิ้ลละฮ์บินญะรีรจากบิดาของเขาได้กล่าวว่า
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى الله ُعَلَيْهِ وَسَلَّمَ : مَامِنْ قَوْمٍ يَكُوْنُ فِيْهِمْ رَجُلٌ يَعْمَلُ بِالْمَعَاصِيْ وَيَقْدِرُوْنَ اَنْ يُغَيِّرُوْهُ فَلاَ يُغَيِّرُوْنَهُ اِلاَّ عَمَّهُمُ الله ُتَعَالَى بِعَذَابٍ قَبْلَ اَنْ يَمُوْتُوْا .
رواه ابوداود وابن ماجه
“ท่านร่อซู้ล ( ซ ล )กล่าวว่าไมมีจากชนกลุ่มใดที่ปรากฏมีผู้ทำความชั่วในหมู่ชนพวกเขา และพวกเขาก็มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงเขาได้ ( ยับยั้งความชั่ว )แต่พวกเขาก็มิห้ามปรามผู้ทำบาปนั้นเว้นแต่อัลเลาะฮ์ได้ทรงลงอะซาบคลุมพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะตาย”
ท่านพี่น้องที่เคารพรักครับ ใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว ตัวใครก็ตัวมัน แต่กระนั้นการลงโทษของอัลเลาะฮ์จะปรกคลุมทั้งหมดเพียงคนทำชั่วแต่ไมมีใครยับยั้งเขาเลย
ท่านอุมัรบินอับดุ้ลอะซีซกล่าวว่า
اِنَّ الله َتَعَالَى لاَيُعَذِّبُ الْعَامَّةَ بِعَمَلِ الْخَاصَّةِ وَلَكِنْ اِذَاظَهَرَتِ الْمَعَاصِيْ فَلَمْ يُنْكِرُوْافَقَدِ اسْتَحَقَّ الْقَوْمُ جَمِيْعًا اَ لْعُقُوْبَةَ
“แท้จริงอัลเลาะฮ์ ( ซ บ )จะไม่ทรงลงโทษคลุมทั่วไปด้วยการทำชั่วของคนหนึ่งเพียงคนเดียว แต่ เมื่อใดที่ความชั่วร้ายได้ประจักษ์ และเขาทั้งหลายก็ไม่ยอมปฏิเสธ แน่แท้ทั้งหมดนั้นมีสิทธิ์แล้วในการถูกลงโทษ”
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่เคารพรัก มันคือความดีประการหนึ่งในความคิดแต่มันช่างเลวร้ายยิ่งนักกับผลตอบแทน สำหรับผู้ที่สอนและเชิญชวนหรือชักจูงผู้คนไห้ทำความดีและห้ามปรามคนทำบาปแต่เขากับนำความชั่วมาทำและละที้งการทำความดี ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) กล่าวว่า
يُجَاءُ بِالرَّجُلِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ فَيُلْقَى فِي النَّارِ فَتَنْدَلِقُ اَقْتَابُهُ فِي النَّارِ فَيُطْحَنُ فِيْهَاكَطَحْنِ الْحِمَارِبِرَحَاهُ فَيَجْتَمِعُ اَهْلُ النَّارِعَلَيْهِ فَيَقُوْلُوْنَ : اَيْ فُلاَنْ مَاشَأْنُكَ ؟ اَلَيْسَ كُنْتَ تَأْمُرُنَابِالْمَعْرُوْفِ وَتَنْهَانَاعَنِ الْمُنْكَرِ ؟ قَالَ : كُنْتُ آمُرُكُمْ بِالْمَعْرُوْفِ وَلاَ آتِيْهِ وَاَنْهَاكُمْ عَنِ الْمُنْكَرِوَآتِيْهِ . رواه البخاري ومسلم
“มีผู้หนึ่งจะถูกนำมาในวันกิยามะฮ์ และถูกโยนลงนรกและแล้วลำไส้ของเขาก็ทะลักออกมาอย่างเร็วในนรกนั้นและเขาก็จะถูกบดลำไส้ประดุจดังลาที่โม่หรือบดไห้ละเอียดด้วยโม้หินของมันชาวนรกก็ได้มารวมตัวนะที่เขาพร้อมกล่าวว่า โอ้ท่านเอ๋ย ทำไมท่านมีสภาพอย่างนี้เล่า ท่านมิใช่หรือซึ่งปรากฏเป็นผู้ใช้ไห้พวกเราทำความดีและท่านมิใช่หรือที่ห้ามพวกเราจากการทำความชั่ว ชายผู้นี้ตอบว่า ฉันใช้พวกท่านไห้ทำความดีแต่ฉันไม่ปฏิบัติมันเลย และฉันห้ามปรามพวกท่านจากการทำชั่วแต่ฉันกลับทำมันเอง”
มุสลิมทุกคนมีความปรารถนาที่จะได้ดีในโลกหน้าก็จงทำความดีในโลกนี้ และคราใดที่นำเสนอความดีแก่ผู้อื่นโปรดอย่าลืมเสนอตัวเองด้วยอย่าได้เป็นเฉกเช่นญะฮูดีย์ซึ่งมีพฤติกรรมที่อัลเลาะฮ์ทรงประณามในซูเราะห์ อัล บากอเราะห์ โองการที่ 44 ว่า
أَتَأْمُرُونَ النَّاسَ بِالْبِرِّ وَتَنسَوْنَ أَنفُسَكُمْ وَأَنتُمْ تَتْلُونَ الْكِتَابَ ۚ أَفَلَا تَعْقِلُونَ
“พวกเจ้า ( นักปราชญ์ชาวยิวได้แนะนำไห้พวกเขาบางส่วนอีหม่านต่อนบี ( ซ ล )แต่พวกเขาเองไมศรัทธา )ใช้ไห้มนุษย์ทำความดีและพวกเจ้าลืมตัวของพวกเจ้าเอง และสภาพที่พวกเจ้าอ่านคัมภีร์กันอยู่ แล้วพวกเจ้าไม่ใช้สติปัญญาตรองดูหรอกหรือ”
أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَاَسْتَغْفِرُاللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ اِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ